เราจดจำเหตุการณ์ความประทับใจต่างๆได้ชัดเจนจากภาพถ่าย แต่เรารู้สึกมันจากสมองและหัวใจ ถ้าหากขาดภาพที่เป็นรูปธรรมไป ความรู้สึกอาจจะไม่ชัดเจนเท่ามีภาพถ่าย มนุษย์จึงคิดค้นประดิษฐ์สิ่งที่เรียกว่า ‘กล้องถ่ายภาพ’ ขึ้น ในสมัยก่อนการที่จะจดจำจากรึกเป็นภาพถ่ายลงไปบนแผ่นฟิล์มขั้นตอนแสนยุ่งยากและใช้เงินพอสมควร เทคโนโลยีทำให้ยุคสมัยนี้ การบันทึกภาพความทรงจำส่วนตัวของเราง่ายขึ้น และรวดเร็วมากขึ้น
จากที่เมื่อก่อนต้องแบกกล้องตัวฟิล์มตัวใหญ่ ก็มาสู่กล้องดิจิตอลตัวเล็กลงหน่อย และพัฒนามากขึ้นไปอีก จากกล้อง DSLR มาสู่ Mirrorless ที่ขนาดเล็กลง พกพาสะดวกขึ้น น้ำหนักเบาคล้องคอไปไหนได้ง่าย และแถมท้ายมาด้วยดีไซน์รูปลักษณ์ที่ออกแบบมาให้เข้ากับยุคสมัย และวันนี้เราจะพามาทำความรู้จักเจ้ากล้อง Mirrorless ประจำปี 2019 กัน ฟังก์ชันและความน่ารักของเจ้ากล้องเหล่านี้อาจจะทำให้คุณอยากออกไปสร้างประสบการณ์ความประทับใจส่วนตัวเพิ่ม
ก่อนจะไปถึง 10 กล้อง Mirrorless เรามาทำความรู้จักประเภทของกล้องกันเล็กน้อย เพื่อให้เห็นภาพกว้างๆ ที่ใกล้เคียงกันก่อน โดยสามารถแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ คือ กล้องดิจิตอลที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ กับ กล้องดิจิตอลที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้
โดยไอ้เจ้าที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้จะเรียกว่า กล้อง Compact หรือก็คือกล้องในโทรศัพท์มือถือที่เราใช้อยู่นั่นเอง ข้อดีของเจ้ากล้อง Compact นี้คือมีขนาดที่เล็ก กระทัดรัดพกพาง่าย ใช้งานได้ง่าย ไม่มีกลไกลซับซ้อน ข้อเสียคือข้อจำกัดของเลนส์ที่เปลี่ยนไม่ได้ ทำให้มุมมองการถ่ายภาพ และภาพที่ได้มาจะเหมือนกันหมด
ส่วนกล้องดิจิตอลที่สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ก็ยังแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆในปัจจุบัน คือ กล้อง DSLR และ Mirrorless ที่เราจะพูดถึงนั่นเอง โดยเจ้ากล้อง DSLR จะมีความแตกต่างกับกล้อง Mirrorless ตรงที่ลักษณะกลไกการทำงานของกล้อง กล้อง DSLR จะรับภาพจากเลนส์ สะท้อนกระจกขึ้นมาบนปริซึม ทำให้ภาพแสดงบนจอภาพให้ผู้ถ่ายภาพได้มองเห็น ส่วนกล้อง Mirrorless จะไม่มีชุดกระจกสะท้อนภาพตัวนี้ แต่จะรับภาพผ่านเลนส์ไปที่เซ็นเซอร์ของกล้งอ และสะท้อนภาพแสดงบนหน้าจอ LCD ได้เลย เมื่อลดอุปกรณ์ที่ประกอบภายในกล้องออกไป นั่นจึงทำให้กล้อง Mirrorless มีขนาดที่เล็ก กระทัดรัด แถมถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ จึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ของมือสมัครเล่น หรือผู้เริ่มต้นถ่ายรูป
Sony A9
มาถึงสุดยอดของ Mirrorless ณ ตอนนี้ของค่าย Sony ที่จัดอัดทุกอย่างที่ดีที่เทพใส่ไว้ในกล้อง Mirrorless ตัวเล็กอย่าง Sony A9 ที่เริ่มต้นด้วยการการันตีรางวัล กล้องยอดเยี่ยมแห่งปี จาก EISA ถือเป็นรางวัลเกียรติยศของวงการกล้องถ่ายภาพ แค่เปิดด้วยรางวัลขนาดนี้ความอยากกิเลสก็บังเกิดแล้ว
มาดูกันถึงสิ่งที่ทำให้ได้รางวัลระดับนี้มากัน เริ่มต้นด้วยใช้เซ็นเซอร์ CMOS แบบ Full Frame คือได้ภาพใหญ่ไม่ถูกตัดอย่างแน่นอน ช่องมองภาพแบบ EVF ที่ให้ภาพเหมือนจริงก่อนถ่ายภาพจริง จอทัชสกรีน ถ่ายภาพได้ต่อเนื่องสูงสุด 20 ภาพต่อวินาที ความเร็วชัตเตอร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ 1/32000 วินาที โดยการติดตั้งระบบชัตเตอร์ 2 ระบบ ด้วยกันคือ ระบบชัตเตอร์ที่เป็นกลไก (Mechanic) และระบบชัตเตอร์แบบ Electronic สามารถเลือกใช้งานได้ในเมนูกล้อง ว่าจะเลือกใช้แบบไหน หรือ จะเลือกใช้แบบ Auto ทำงานร่วมกัน นี่ซิถึงจะเหมาะสมกับความเทพ แต่ยังไม่จบแค่นั้น
ค่าความไวแสงสามารถดันได้สูงถึง 204,800 (แบบขยายแล้ว) เรียกว่าสามารถถ่ายได้ทุกสภาแสงที่เราไป ที่ทำได้แบบนี้เพราะมีชิปประมวลผลความเร็วสูง และประมวลภาพถ่ายด้วยเทคโนโลยี BIONZ X โฟกัสอัตโนมัติสามารถทำได้ถึง 5 ขั้น เพื่อจับโฟกัสของวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว จับโฟกัสได้ 693 จุด หรือสร้างความหนาแน่นของการโฟกัสได้ ร่วมกับ Contrast Detection ที่มีพื้นที่โฟกัสมากถึง 25 พื้นที่ ในการตรวจจับ Contrast ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การจับภาพแบบ Fast Hybrid AF System ทำให้จับสีหน้าดวงตาได้แม่นยำ ทำงานเงียบมาก ด้วยระบบกันสั่นแบบ 5 แกน
โอนถ่ายภาพและวีดีโอผ่าน FTP ผ่านระบบ LAN ทำมาสำหรับการโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่ หรือจะใช้ Wifi ปกติก็มี หรือจะควบคุมกล้องผ่านแอพในโทรศัพท์ก็ยังทำได้ พร้อมกับถ่ายวีดีโอคุณภาพ Full HD 4K
ที่เล่าคุณสมบัติมา Sony A9 ต้องถือว่าเป็นกล้องระดับมืออาชีพกล้องหนึ่งที่น่าใช้งาน ด้วยน้ำหนักกล้องแม้จะรวมเลนส์อีก 3 ตัวแล้ว ก็ยังมีน้ำหนักที่ออกภาคสนามได้อย่างสบายๆ ไม่เป็นภาระเมื่อเทียบกับน้ำหนักของ DSLR ความแข็งแรงทนทานของกล้องทนทานต่อการใช้งานหนักได้ดี ระบบโฟกัสรวดเร็วทันใจ โฟกัสติดตามวัตถุได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ด้วยความเร็วสูง มั่นใจได้ว่า จะไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญของคุณ และแถมท้ายด้วย ภาพคมชัด สีสดใส ถ่ายอะไรก็ดูสมจริงดั่งตาเห็น
Fujifilm X-A3
Fujifilm เคยสร้างปรากฏการณ์มาแล้วใน Fujifilm X-A2 ที่ทำให้ยอดขายกล้อง Mirrorless รุ่นที่ใหญ่กว่าจากค่ายอื่นเงียบไปตามๆกัน และรอบนี้ก็จะกลับมาสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งกับ Fujifilm X-A3 ที่ดีไซน์มาเอาใจแฟนๆชาวไทยที่รักการการเซลฟี่ เริ่มต้นจากจอพับและทัชสกรีนได้ พร้อมกับน้ำหนักเพียง 339g ให้สาวๆถือถ่ายรูปตัวเองได้แบบไม่ต้องง้อใคร เซ็นเซอร์รับภาพแบบ APS-C CMOS ความละเอียด 24.3 ล้านพิกเซล หรือคือการชัดแบบเหลือๆให้เฟสบุ๊คต้องหันมามองกันเลยทีเดียว มากับจุดโฟกัสกว่า 77จุด ทำให้ถ่ายภาพในที่มืด หรือทำหน้าชัดหลังเบลอได้ดี มีชัตเตอร์แบบไฟฟ้า (Electronic Shutter) ที่เร็วได้ถึง 1/32000 วินาที ทำให้ใครที่อยากถ่ายรูปกับแดดจ้าทำได้ง่ายและยังคงละลายหลังได้อยู่
สามารถถ่ายวีดีโอแบบ Full HD และมีกันสั่น 5 แกน มี Wifi ให้สามารถส่งภาพและสั่งงานผ่านแอพได้ กดชัตเตอร์ หรือเปลี่ยนค่าต่างๆ และสั่งพิมพ์ภาพออกไปที่ Instax Share ได้จากตัวกล้องและสมาทโฟน ถ่ายเสร็จปริ้นแล้วส่งให้คนที่คุณแอบชอบได้เลย ไม่ต้องกลัวแบตหมดแล้วไม่มีที่ชาร์จเพราะเจ้า X-A3 สามารถชาร์จไฟได้จาก Power Bank
มาดูจุดขายหลักๆของสายเซลฟี่กันมั่ง แค่ยิ้มกล้องก็ถ่ายเอง โดยจับจากโครงสร้างใบหน้า ไม่ต้องเสียสมาธิเอานิ้วมากดกล้องเลย หรือจะเป็น โหมด Portrait Enchancer ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและเรียบเนียน สามารถปรับได้ 3 ระดับ
หรือจะเป็น Advanced Filter 11 รูปแบบ โดยแบบที่เพิ่มขึ้นก็คือ Star Filter ที่ถ่ายแล้วจะสร้างประกายแฉกในตำแหน่งที่มีแสงสะท้อนเกิดขึ้น ไม่ได้เกิดแบบไม่มีเหตุมาผลนะ ท่านที่ยังชื่นชอบถ่ายภาพพอร์ตเทรทในความฝันก็ยังมี Soft Focus ให้เลือกใช้งานสวยเหมือนเดิม แต่ถ้าบอกว่าขอปรับแค่โทนสีก็พอก็ต้องไปปรับเลือกใน Film Simulation ที่ทางฟูจิฟิล์มมีความชำนาญสูงนำทักษะในการผลิตฟิล์มถ่ายภาพมาสร้างสรรค์เป็นซอฟท์แวร์ได้อย่างเลอค่าทั้งภาพสี และภาพขาวดำ อาทิ Astia, Provia, Velvia, Black&White R Filter ภาพที่แสดงผลในจอความละเอียด1.04ล้านจุดนั้นคมชัดมาก
ถ้าจะให้สรุปความรู้สึกสำหรับ X-A3 น่าจะเป็นการเพิ่มเติมความเป็นเซลฟี่เข้ามาให้เหมาะกับคนไทย และรักษาคุณภาพความสดใสของๆเดิมเอาไว้ได้อย่างครบครัน ไม่ต้องไปตามหาแอพกันให้วุ่นวายมีเจ้า X-A3 ตัวเดียวก็ครบแล้ว
Panasonic Lumix DMC-GX85
ต่อมากันที่ Panasonic Lumix DMC-GX85 ดีไซน์กระทัดรัดแต่ครบครันสำหรับมือใหม่ที่อยากเล่นอะไรเยอะๆ อาจจะเป็นปัญหาเล็กน้อยสำหรับสายเซลฟี่เพราะจอทัชสกรีน พับได้แต่ไม่มากเท่ารุ่นอื่นๆ แต่ก็มีสิ่งที่มาทดแทนได้หลายอย่าง ไล่มาตั้งแต่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ดูเหมือนน้อยแต่ก็มากพอสำหรับเฟสบุ๊ค ความเร็วชัตเตอร์สูงสุดที่ 1/4000 วินาที จุดโฟกัสกว่า 49 จุด ถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยโมหด AF-S ได้ 10 ภาพต่อวินาที มี Wifi ในตัวให้สามารถส่งภาพหลังกล้องได้เลย พร้อมกับกันสั่น 5 แกน ให้คุณมั่นใจว่าจะได้ภาพไม่สั่นไหวแน่นอน
ถ่ายหน้าชัดหลังละลายได้อย่างมืออาชีพ หรือจะใช้ฟังก์ชัน Post Focus ที่ให้เราถ่ายภาพก่อนแล้วมาปรับตำแหน่งโฟกัสได้ภายหลัง ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ Panasonic Lumix DMC-GX85 ได้จัด Filter การถ่ายภาพมาให้คุณมากถึง 22 แบบ เลือกกันให้ตาลายกันไปเลย ขอเล่าถึง 2 แบบเด่นๆ
โหมด L Monochrome ซึ่งเป็นภาพสไตล์ขาวดำอาร์ทๆแบบพิเศษที่แตกต่างจาก monochrome ปกติเป็นรูปขาวดำแบบ Low Contrast ทำให้ดูภาพแล้วรู้สึกกลมกล่อม ไม่เหมือนขาวดำทั่วไป หรือจะเป็นโหมดโฟกัสเงียบ กล้อง Mirrorless ยุคหลังๆมักจะมากับฟีเจอร์นี้ซึ่งหากเป็นเหมือนก่อนโหมดนี้ทำได้เพียงแค่ลดเสียงเท่านั้นแต่ Panasonic Lumix GX85 ตัวนี้ สามารถปิดเสียงชัตเตอร์ได้ 100% นั้นคือไม่มีเสียงเลย มีประโยชน์มากๆในที่งดใช้เสียง
Panasonic LUMIX GF9
มาถึงกล้องที่เบาและเล็กอีกรุ่น Panasonic LUMIX GF9 ด้วยน้ำหนักแค่ 269g ใส่ในกระเป๋าได้สบายๆจนแทบไม่รู้สึก ถึงจะเบาแต่ก็มาพร้อมกับความละเอียดของภาพ 16 ล้านพิกเซล มี Wifi สามารถใช้ Micro SD Card ได้ ค่าความไวแสงอยู่ที่ 200 – 25600 พร้อมกับระบบประมวลผล Venus Egine ทำให้ถ่ายภาพความเร็วสูงได้ ด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่สูงถึง 1/16,000 หรือจะเป็นจุดโฟกัส 49 จุด ถ่ายภาพต่อเนื่องแบบปกติได้ 5 ภาพต่อวินาที และถ่ายด้วยชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ได้ 9 ภาพต่อวินาที
ฟังก์ชัน 4K Photo นี่เป็นฟังก์ชั่นที่มีมานานแสนนานในกล้อง Lumix ทุกซีรีส์เลย ใครที่เคยใช้กล้องยี่ห้อนี้คงจะคุ้นเคยดี แต่ขออธิบายคร่าวๆเผื่อมีคนไม่รู้นะครับฟังก์ชั่น 4K Photo เป็นฟังก์ชั่นที่กล้องเราจะถ่ายวิดีโอ4Kมา แล้วให้เราเลือกว่าจะเอาเฟรมไหนจากวิดีโอที่เราถ่าย คือวิดีโอมันละเอียด แม้การแคปภาพๆนึงมาใช้มันก็ยังให้รายละเอียดภาพที่ดีอยู่ส่วน Post Focus เนี่ยเป็นฟังก์ชั่นที่กล้องเราจะถ่ายวิดีโอมาเหมือนกัน แต่ระหว่างที่ถ่าย กล้องจะปรับโฟกัสตั้งแต่ระยะใกล้สุดไปจนถึงไกลสุด เพื่อให้เราสามารถมาแคปเลือกจุดโฟกัสเอาทีหลังได้
นั่นเป็นคุณสมบัติทั่วไปมาดูความสาวของตัวนี้กันบ้างดีกว่า เจ้า LUMIX GF9 มาพร้อมฟังก์ชันปรับหน้าเนียนได้มากกว่า 10 ระดับ หรือจะเป็นฟังก์ชันแต่งหน้าแบบ Beauty Retouch ที่ทำได้รวดเร็ว โดยเราสามารถปรับใบหน้าได้ตั้งแต่การทำหน้าให้เรียว เติมสีปาก ขัดฟันขาว เปลี่ยนสีรองพื้น หรือจะเติมอายไลน์เนอร์ก็ยังได้ เรียกว่าหน้าสดไม่กลัวถ้ามีเจ้า LUMIX GF9 อยู่ในมือ
Fujifilm X-T20
ขยับมาที่ตัวที่น่าจะเหมาะกับคนที่อยากลองเล่นระดับกึ่งอาชีพขึ้นมาอีกขั้นอย่างเจ้า Fujifilm X-T20 ที่เป็นกึ่งโปรแต่ก็ยังตอบสนองกับมือใหม่ได้อยู่ เพราะเจ้าตัวกล้องมันทัชสกรีนและพับจอได้ ช่องมองภาพแบบ OLED Electronic View Finder (OLED EVF) เห้นภาพจริงก่อนถ่ายแถมไม่เจ็บตาด้วย ตัวกล้องเองมาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ X-Trans CMOS ll ขนาด APS-C ความละเอียดมากมายถึง 24 ล้านพิกเซล และมีจุดโฟกัสมากถึง 325 จุด หรือถ้าเอาง่ายๆ ภาษาคนธรรมดาคือเพิ่มความละเอียดอ่อนของการตั้งค่าการโฟกัสวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ โฟกัสได้เร็วด้วย ถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุดแบบปกติได้ 8 ภาพต่อวินาที และยังปรับเป็น Electronic Shutter ที่ถ่ายภาพได้ต่อเนื่องสูงสุด 14 ภาพต่อวินาที ทำให้เราสามารถถ่ายภาพทุกขณะได้อย่างไม่พลาดและเข้าโฟกัสทั้งหมด
ถ้าใครที่ชอบการไปเที่ยว หรือร้านกาแฟแล้วอยากโชว์ความเป็น Retro ในภาพของคุณ X-T20 ก็มี Film Stimulation สามารถโชว์โทนสีได้ไลฟ์บน LCD และจอ Viewfinder ได้ทันที ไม่ต้องไปเสียเวลาตกแต่งเพิ่มภายหลัง
ถ่ายวีดีโอด้วยคุณภาพ Full HD 4K ที่ใช้วงแหวนหมุนเปลี่ยนโหมดจากภาพนิ่งเป็นวีดีโอได้ อาจจะเสียเวลานิดนึงในการปรับ แต่เราสามารถต่างค่าปุ่มกดต่างๆใหม่ให้เป็นปุ่มลัดได้
ฟูจิยังคงเน้นการรับแสงสีผิวนำมาก่อน เพื่อไม่ให้ภาพที่ได้มาส้มหรือผิดเพี้ยนมากเกินกว่าความเป็นจริงไป มีโหมดถ่ายพาโนรามา ให้เราได้ลองถ่ายความยิ่งใหญ่ของที่ต่างๆ หรือจะเป็นโหมดซ้อนภาพแบบ Double Exposure ให้เราทำได้ตั้งแต่หลังกล้องแล้วโพสอวดเพื่อนๆได้เลย
Panasonic LUMIX GF10
มาฝั่ง Panasonic Lumix GF-10 กันบ้างที่ออกมาเอาใจสาวๆกันโดยตรง เริ่มจากน้ำหนักที่เบาเพียง 337g แม้รูปร่างหน้าตาจะคล้ายกับ GF9 แต่เพิ่มกริ๊ปช่วยจับเข้ามาทำให้ใช้งานง่ายขึ้น จอสามารถพับมาถ่ายตัวเองได้ มาพร้อมกับโหมดบิวตี้ ที่ปรับความบิวตี้ได้มากถึง 10 ระดับด้วยกัน แถมหน้าเนียนตาโตแบบไม่เป็นวุ่นด้วยนะ หรือจะเซลฟี่ตอนกลางคืนก็มีโหมด Night Mode Selfie จะทำให้สาวๆถ่ายตัวเองแบบเรียบเนียนยามกลางคืน หรือจะถ้าถ่ายรูปมาแล้วยังโฟกัสไม่ถูกใจก็สามารถปรับโฟกัสทีหลังได้อีก
อีกฟังก์ชันที่น่สนใจ ลั่นชัตเตอร์ได้เอง 3 แบบด้วย Face Shutter เอามือบังหน้าแล้วเอาลง ถ่ายต่อเนื่อง 4 ภาพ ได้อารมณ์เดียวกับไปถ่ายกับตู้สติ๊กเกอร์เลย หรือ Buddy Shutter ถ่ายเซลฟี่แบบคู่ เพียงแค่เอาหัวมาใกล้กัน กล้องก็ถ่ายได้เลย สะดวกมากๆ หรือจะกดสั่งถ่ายรูปจากมือถือก้ได้
ถ้าอยากถ่ายวีดีอก็ทำได้ด้วยความคมชัดระดับ 4K แถมเวลาเปลี่ยนจุดโฟกัสเจ้า GF10 ก็ทำแบบนุ่มนวลจนเราแทบไม่รู้ตัวเลย แบตก้อนกะทันรัดแม้จะหมดไวแต่ก็ชาร์จผ่าน Power bank ได้ และเอกลักษณ์ที่ยังคงเอาไว้และดีขึ้นคือสีของสกิลโทนของคนเรา จะออกไปทางละมุนๆแบบธรรมชาติ
Fujifilm X-T100
ข้ามมาฝั่ง Fujifilm กันบ้างที่ไม่ได้มีดีแค่กล้องฟรุ้งฟริ้ง ยังมีตัวเท่ๆอีกตัวอย่างเจ้า Fujifilm X-T100 ที่ถูกออกแบบดีไซน์มาเหมือนกล้องรุ่นคลาสสิก แถมมีหลายสีให้เลือกอีกด้วย มาพร้อมกับน้ำหนักเบาจะคล้องคอเท่ๆไปไหนก็ได้ ช่องมองภาพแบบ OLED Electronic View Finder (OLED EVF) ที่ให้ความละเอียดถึง 2.3 ล้านพิกเซล เห็นภาพสวยเหมือนจริงอย่างที่ตาเห็นก่อนลั่นชัตเตอร์จริง คุณภาพเทียบเท่ากับรุ่นพี่อย่าง Fujifilm X-T20 ด้วย ความละเอียดของภาพที่ได้จากเซ็นเซอร์มากถึง 24 ล้านพิกเซล พร้อมกับจุดโฟกัส 91 จุด ที่โฟกัสด้วยระบบ Hybrid Af
ยังไม่หมดเท่านั้น ยังถ่ายภาพนิ่งแบบต่อเนื่องได้มากสุด 6 ภาพต่อวินาที หรือจะถ่ายด้วย 4K Burst Shooting ถ่ายต่อเนื่องได้สูงสุด 15 ภาพต่อวิ เพื่อเราจะสามารถเลือกช็อตที่ดีที่สุดได้ มีความเร็วชัตเตอร์ปกติสูงถึง 1/4000 วินาที และสามารถเปลี่ยนเป็นซัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ได้ถึง 1/32,000 ถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอกลางแดดประเทศไทยได้อย่างสบายๆ หรือถ้าต้องการถ่ายเซลตัวเองก็ทำได้ เพราะหน้าจอสามารถพับได้และบานพับค่อนข้างแข็งแรง พร้อมด้วยจอทัชสกรีนได้อีก มีกริ๊ปเสริมมาให้เราจับกล้องได้ถนัดมืออีก อะไรมันจะดีขนาดนั้น
หรือใครที่ต้องการถ่ายวีดีโอเจ้าตัวนี้ก็พร้อม เพราะถ่ายวีดีโอ 4K ได้นานถึง 30 MIN และปลดภัยด้วยปุ่มกดพิเศษที่จะไม่ทำให้เราพลาดไปกดอัดโดยไม่ตั้งใจ หรือถ้าเผลอสนุกใช้จนเพลินแบตใกล้หมดก็สามารถชาร์จแบตผ่าน Power Bank ได้ด้วย และพร้อมส่งรูปสวยๆผ่าน Wifi ได้ทันใจ เจ้า Fujifilm X-T100 เหมาะกับตากล้องหน้าใหม่ที่อยากทดลองทำอะไรหลายๆอย่าง และพร้อมจะพาคุณไปสู่กล้องตัวใหญ่กว่านี้ได้
Olympus OM-D E-M10 Mark lll
ใครที่เป็นสายเดินทางและอยากมีกล้องเล็กๆซักตัวติดไปด้วย Olympus OM-D E-M10 Mark lll น่าจะเหมาะอย่างมาก แค่เริ่มต้นมาราคาก็สบายกระเป๋าไปแล้ว 15,xxx มาพร้อมกับดีไซน์ตัวกล้องที่เท่มาก เอาไปวางตามที่ต่างๆก็คลูแล้ว ดีไซน์เท่น้ำหนักยังเบาอีกคล้องคอถ่ายรูปเช็คอินได้เลย ตัวเล็กแต่จับถนัดมือนะเพราะ Olympus ได้พัฒนากริ๊ปที่จับมาให้จับถนัดมือขึ้นเวลาถ่ายภาพ และไม่ต้องกลัวภาพสั่นไหวเพราะมีแกนกันสั่นที่ตัวกล้องถึง 5 แกน หมดปัญหาเวลาแสงน้อยๆแล้วลืมเอาขาตั้งไป หรืออยากเดินถ่ายวีดีโอแต่ไม่อยากให้ภาพสั่น เจ้า Olympus OM-D E-M10 Mark lll รองรับแล้ว เดินไม่สั่นแถมถ่ายวีดีโอ 4K 30p ได้อีกนะเออเพราะมีชิปประมวลผลแบบ TruePic VIII ที่ทำงานเร็วทำให้เราถ่ายวีดีโอได้ไม่สะดุด
หรือใครที่ชอบถ่ายภาพนิ่งเจ้าตัวนี้ก็ทำได้ไม่แพ้วีดีโอหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เริ่มจากมีช่องมองภาพแบบ EVF ที่ให้ภาพก่อนถ่ายได้สมจริง ถ่ายภาพต่อเนื่องได้มาสุด 8 ภาพต่อวินาที แถมมีจุดโฟกัสมากถึง 121 จุด เรียกว่าอะไรผ่านเข้ามาเราต้องจับภาพนั้นเข้าโฟกัสแน่นอน ปุ่มสัญลักษณ์ทำมาชัดเจนไม่ต้องมานั่งหาว่าปุ่มนี้ใช้ทำอะไร
มีโหมด Advanced Photo Mode เหมาะสำหรับมือใหม่ ใช้งานง่าย สามารถรับรู้ได้ ว่าเรากำลังถ่ายคน ถ่ายอาหาร ท้องฟ้า ภูเขา ทะเล และปรับค่าให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราถ่ายได้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมๆ และโหมด New art filter bleach bypass เพิ่มเข้ามาจากเดิมที่มีเป็นสิบ art filter ตัวนี้ จะให้โทนภาพแนวๆ vintage cinema
Canon EOS M10
แวะมาที่ค่ายชื่อดังที่ตากล้องทั้งมืออาชีพ มือสมัครเล่น หรือแม้แต่คนที่ไม่ได้เล่นกล้องก็ต้องรู้จักอย่าง Canon ที่ตอนนี้ไม่ได้เจาะตลาดกลุ่มมืออาชีพอย่างเดียว ขยับออกมาขายในตลาดของคนที่เล่นกล้อง Mirrorless ด้วย อาจจะเรียกว่าทำน้องเล็กอย่าง EOS M10 ออกมาเอาใจแฟนๆที่อยากลองเล่น Mirrorless ซักตัวในแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ
เป็นน้องเล็ก ราคาก็น่ารักไม่ถึง 20,000 นะจ๊ะสำหรับเจ้า EOS M10 ความละเอียดที่ให้มาก็สมราคาที่ 18 ล้านพิกเซล ไม่ได้สูงมากแต่ถือว่าพอดีแล้วสำหรับถ้าจะโพสลงโซเชียลมีเดีย จอสามารถพับมาถ่ายเซลฟี่ได้แถมมาด้วยระบบสัมผัสหน้าจอ มีออโต้โฟกัสมากถึง 49 จุด หรือใครอยากจะถ่ายวีดีโอรีวิวก็ทำได้ด้วยคุณภาพ HD ถ่ายในที่แสงน้อยได้สบายๆ เพราะมีค่าความไวแสงหรือ ISO ที่สามารถดันสูงสุดได้ 25,600 เพราะมีเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ CMOS ขนาด APS-C หรือแปลง่ายๆว่า เซ็นเซอร์น้องใหญ่กว่าคู่แข่งที่ขนาดเท่ากัน และถ่ายรูปแบบหน้าชัดหลังละลายได้ง่ายกว่า
ไม่เท่านั้นยังมีโหมด Creative Assist เป็นโหมดช่วยถ่ายภาพ สำหรับสาวๆที่อยากถ่ายรูปสวยๆแต่ไม่อยากต้องมานั่งจำอะไรเยอะแยะ เพราะเจ้าโหมดนี้ เราสามารถเพิ่มความสว่าง หน้าชัดหลังเบลอ หรือปรับสีได้ สะดวกจริงๆ ข้อติดนิดนึงสำหรับเจ้า M10 ตัวนี้คือเวลาจะหมุนปรับตัวเลนส์ต้องปลดล็อคเลนส์ก่อนจึงจะถ่ายได้ เพราะค่ายได้เป็นห่วงความปลอดภัยเลยทำคุณสมบัตินี้ออกมาจ้า แถมอีกนิดเห็นตัวเล็กๆแบบนี้ แบตอึดไม่เบานะจ๊ะ
Xiaomi YI M1
ถ้าคุณกำลังมองหากล้อง Mirrorless ซักตัวสำหรับมาถ่ายรูปเล่นๆ ราคาไม่แพงเจ้า YI M1 ตัวนี้น่าจะตอบสนองความต้องการได้ เพราะราคามันไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ กับน่าตารูปลักษณ์ที่ดูคล้ายกับรุ่นพี่ใหญ่ค่ายเยอรมันอักษรสีแดงอย่าง Lica แถมมาพร้อมกับเซ็นเซอร์รุ่นเดียวกับ Sony พร้อมกับใช้เลนส์ของค่ายอย่าง Panasonic หรือ Olympus ได้ ตัวเครื่องมาพร้อมปุ่มกดและสามารถสัมผัสที่จอได้ด้วยนะเออ
ออกแบบมาสำหรับรองรับคนที่เบื่อถ่ายรูปจากกล้องสมาร์ทโฟนแล้วอยากลองมาใช้กล้อง Mirrorless ดูบ้าง และยังมีฟังก์ชันน่ารักๆอย่างเราสามารถเปลี่ยนนามสกุลไฟล์จาก Raw เป็น Jpg ทีหลังจากที่ถ่ายรูปมาได้แล้วด้วย หมดปัญหาการตั้งค่าไฟล์ให้เสียเวลาไปเลยจ้า
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับ 10 กล้อง Mirrorless ที่นำมาเล่าให้ฟัง ฟังก์ชันหรือจุดเด่นของกล้องแต่ละตัวก็หลากหลายกันแล้วแต่ความต้องการของผู้ใช้ ใครที่อยากทดลองเล่นก็มีรุ่นรองรับ หรือเป็นสายเซลฟี่ก็มีหลายรุ่นให้เลือกลองที่เหมาะกับความชอบของตัวเอง หรือใครที่อยากได้กล้องกึ่งอาชีพ หรือระดับมืออาชีพเลยก็มี สุดท้ายแล้วเราเป็นผู้เลือกอุปกรณ์มาเก็บความประทับใจของเรา ไม่มีกล้องตัวไหนราคาสูงเกินไปกว่าความทรงจำที่มีค่าของเรา
ดังนั้นค่อยๆเลือก ค่อยๆลอง แล้วคุณอาจจะพบอุปกรณ์บันทึกความทรงจำคู่กายของคุณตัวใหม่ก็เป็นได้