Slider
ดูหนังเอเชีย

วิธีใช้กล้องเป็นเว็บแคม เสียบได้ทันทีไม่ต้องพึ่ง Video Capture Card

วิธีใช้กล้องเป็นเว็บแคม งานนี้ผู้ใช้กล้อง Canon ได้เฮลั่นเลยทีเดียว เพราะเป็นฟีเจอร์ที่เด็ดมาก เพราะทาง Canon ได้ปล่อย Plugin โปรแกรมใหม่ที่สามารถต่อกล้อง Canon มาเป็นเว็บแคม ต่อคอมพร้อมใช้ในการ Live ได้เลยโดยไม่ต้องหากล่อง Video Capture Card มาเสียบอีกต่อไป รองรับกล้อง DSLR ตระกูล EOS หลายรุ่น และกล้อง Compact ตระกูล Powershot 3 รุ่นด้วยกัน

วิธีใช้กล้องเป็นเว็บแคม ด้วย Cannon

วิธีใช้กล้อง Canon เป็นเว็บแคม
iT24Hrs

ไปหน้าดาวน์โหลด EOS Webcam Utility Beta ที่เว็บไซต์ Canon ตามลิงก์นี้

วิธีใช้กล้อง Canon เป็นเว็บแคม
iT24Hrs

แล้วคลิกเลือกชื่อรุ่นกล้อง Canon ที่คุณใช้อยู่ โดยรุ่นที่รองรับ EOS Webcam Utility Beta มีดังนี้

EOS DSLR Cameras

EOS-1D X Mark II
EOS-1D X Mark III
EOS 5D Mark IV
EOS 5DS
EOS 5DS R
EOS 6D Mark II
EOS 7D Mark II
EOS 77D
EOS 80D
EOS 90D
EOS Rebel SL2
EOS Rebel SL3
EOS Rebel T6
EOS Rebel T6i
EOS Rebel T7
EOS Rebel T7i
EOS Rebel T100

EOS Mirrorless Cameras

EOS M6 Mark II
EOS M50
EOS M200
EOS R
EOS RP

PowerShot Cameras

PowerShot G5X Mark II
PowerShot G7X Mark III
PowerShot SX70 HS

iT24Hrs

เมื่อเลือกรุ่นแล้ว ให้คลิกที่ Select ตรงรายการ EOS Webcam Utility Beta 0.9.0 for windows

iT24Hrs

แล้วคลิกปุ่ม DOWNLOAD สีแดง

iT24Hrs

จากนั้นทำการ Extract zip file แล้วทำการติดตั้งเหมือนติดตั้ง Driver หรือโปรแกรมทั่วไป เสร็จแล้วแนะนำ Restart คอมพิวเตอร์ด้วย

วิธีการต่อกล้อง Canon เป็นเว็บแคม

Image : CanonUSA
  1. ให้ทำการเปิดสวิตซ์ ON ที่ตัวกล้อง Canon จากนั้นเลือกโหมดวีดีโอที่สัญลักษณ์ กล้องวีดีโอ ( Movie Mode ) ดังภาพ
Image : CanonUSA

นำสาย USB มาเชื่อมกล้อง Canon กับคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย

Image : CanonUSA

คราวนี้ปิดท้ายด้วยเปิดแอปที่ทำงานร่วมกับกล้องเว็บแคมได้เช่น Google Meet , Zoom , Facebook Live , Youtube หรือแอปต่างๆที่ทำงานกับเว็บแคมได้ แล้วเลือกตั้งค่าเว็บแคม และเลือกไปที่ EOS Webcam  Utility Beta ก็จะเห็นหน้าตัวเองจากกล้อง Canon ของคุณทำงานอยู่ ก็ใช้งานเป็นเว็บแคมได้แล้ว ไม่ต้องพึ่ง Video Capture Card เลย หากไม่เข้าใจสามารถรับชมวีดีโอสาธิตจาก Canon ทางด้านล่าง

เปลี่ยนกล้อง CANON เป็นเว็บแคมสำหรับ Work From Home

ใครที่ใช้กล้องเว็บแคมสำหรับ Work From Home แต่รู้สึกไม่ตอบโจทย์ซูมไม่ได้ ภาพไม่ชัด ความละเอียดน้อยเกินไป วันนี้มีโปรแกรมมาแนะนำ สำหรับเปลี่ยนกล้อง CANON ให้เป็นเว็บแคมได้

ช่วงนี้หลายคนทำงานที่บ้านส่งผลให้กล้องเว็บแคมกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญในการประชุมงานผ่านวิดีโอคอล แต่กล้องเว็บแคมเองก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ซูมไม่ได้ เวลาใช้งานในที่แสงน้อยภาพอาจจะมืด เป็นต้น บางคนไม่อยากเสียเงินซื้อใหม่ก็ทนใช้ไปก่อน

ข่าวดีสำหรับคนที่ใช้กล้องของ CANON ตอนนี้เขาพัฒนาแอปสำหรับเปลี่ยนให้กล้องของตัวเองสามารถใช้งานเป็นเว็บแคมกับคอมพิวเตอร์ได้ แอปนี้มีชื่อว่า EOS Webcam Utility Beta สามารถใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่เป็น 64-bit  นอกจากนั้นยังสามารถใช้งานได้เฉพาะบางรุ่นก่อนซึ่งเวลาใช้งานเราต้องต่อสาย USB กับคอมพิวเตอร์

ส่วนรุ่นที่สามารถใช้งานได้นั้นมีรายชื่อตามภาพด้านล่างเลยค่ะ รองรับทั้งตระกูล DSLR, Mirrorless และ PowerShot แต่กล้องบางรุ่นนั้นจะไม่ได้แถมสาย USB มาให้ในกล่อง เราอาจจะต้องไปหาซื้อมาเพิ่มก่อนถึงจะใช้งานได้

ข้อดีก็คือใครมีเลนส์ดีๆ รู้รับแสงกว้างๆก็เอามาต่อกับกล้อง ภาพที่ได้จะสว่างคมชัดขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับเว็บแคม ที่สำคัญยังสามารถใช้เป็นกล้องสำหรับทำ Live Stream ได้ด้วย

ใครสนใจสามารถเข้าไปดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี แต่ต้องบอกก่อนว่าเนื่องจากตัวโปรแกรมนั้นยังเป็นเวอร์ชันทดสอบอยู่ จึงอาจจะมีบั๊กอยู่บ้าง หากใครเจอข้อผิดพลาดในการทำงานตรงไหนก็แจ้งเข้าไปได้ทาง Canon Forum ทางทีมงานจะได้นำไปปรับปรุง พัฒนาการใช้งานให้สมบูรณ์ขึ้นในเวอร์ชันถัดๆไป

ที่มา NewAtlas

บางคนยังไม่รู้เกี่ยวกับกล้องเว็บแคม

ปัจจุบันกล้องเว็บแคมเป็นอุปกรณ์สำหรับเหล่าเกมส์เมอร์และสตรีมเมอร์ที่ขาดไม่ได้  และกล้องเว็บแคมไม่ใช่ว่าจะเหมือนกันหมดทุกตัว แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อจะมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปตามแต่ผู้ผลิตจะคิดค้นและออกแบบมาให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างไร ซึ่งสามารถแบบประเภทของเว็บแคมได้ดังนี้

แบ่งตามรูปทรงของกล้อง 
โดยปกติกล้องเว็บแคมส่วนใหญ่จะเป็นทรงกลม เนื่องจากเป็นรูปทรงต้นแบบที่ทำกันมานานและก็ทำให้รู้ได้ทันทีว่านี้คืออุปกรณ์ เว็บแคม แต่ไม่จำเป็นที่กล้องเว็บแคมต้องเป็นทรงกลมเสมอไป
เพราะบางครั้ง กล้องเว็บแคม ก็จำเป็นต้องมีรูปทรงอื่นๆ เพื่อให้เข้ากับการใช้งานในบางลักษณะ ดังนั้น การเลือกรูปทรงให้เหมาะสมนั้น ก็จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของเรามากกว่า

แบ่งตามประเภทของขาตั้งกล้อง 
โดยส่วนใหญ่ลักษณะของฐานตั้งกล้องจะเป็นแบบตั้งพื้นเสียส่วนใหญ่ โดยแบบแรก คือแบบมีขาสำหรับวางบนพื้น อาจจะมีขา 3 ขา หรือ 4 ขา ก็แล้วแต่การออกแบบ แต่ฐานแบบ 3 ขา จะมี ปัญหาตรงที่ วางแล้วยังไม่มั่นคงดีนัก และไม่สามารถหมุนตัวกล้องได้สะดวกนัด ดังนั้น ถ้าต้องการเว็บแคมที่มีฐานมั่นคงและสามารถหมุนได้ง่ายๆ ก็ต้องเลือกแบบฐานทรงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่ วางได้มั่นคงและยังสามารถหมุนแกน ของตัวกล้องได้ไม่จำเป็นต้องยกตัวกล้องหมุนไปมาให้เสียเวลา

แบ่งตามชนิดของเซ็นเซอร์ 
สำหรับเซ็นเซอร์ที่กล้องเว็บแคมใช้นั้นจะมีหลักๆอยู่ 2 ชนิด คือ CCD และ CMOS แต่ที่นิยมใช้กันมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ CMOS เนื่องจากเหตุผลหลายๆประการและตัวเซ็นเซอร์ แบบ CMOS เองก็สามารถแบบออกได้ถึง 2 ชนิดด้วยกันคือ
CLF Color CMOS Censor ที่มีความละเอียดของพิกเซลแค่ 110,000 พิกเซล ( 367 x 291 ) เท่านั้น ในขณะที่ VGA Color CMOS Censor ให้ความละเอียดที่สูงกว่าที่ 350,000พิกเซล ( 655 x 493 ) ดังนั้น เวลาเลือกซื้อกล้องเว็บแคมก็ดูได้ทั้งความละเอียดที่ระบุไว้ หรือชนิดของ CMOS สำหรับเซ็นเซอร์แบบ CCD จะเป็นเซ็นเซอร์ที่นิยมใช้ในกล้องดิจิตอล เพราะให้ความ
ละเอียดที่สูงกว่าและก็มี noise ไม่มากเหมือนกับเซ็นเซอร์แบบ CMOS

แบ่งตามรูปแบบการเชื่อมต่อ 
สำหรับการเชื่อมต่อของกล้องเว็บแคมในปัจจุบันส่วนใหญ่ จะเป็นอินเทอร์เฟซแบบ USB แทบทั้งสิ้นโดย USB ที่ใช้ก็จะเป็นเวอร์ชัน 1.1 เสียส่วนมาก แต่ก็จะมีเวอร์ชัน 2.0 ในบางรุ่นกล้องเว็บแคมแบบไร้สายจะใช้การเชื่อมต่อในแบบ WiFi หรือ Wireless lan นั่นเองทำให้สามารถเคลื่อนย้ายไปได้ทุกที่โดยไม่ต้องคำนึงถึงสายให้วุ่นวาย แต่เว็บแคมที่เป็น Wireless ตอนนี้ก็ยังมีราคาค่อนข้างแพงอยู่

การเลือกซื้อกล้องเว็บแคม 
ขั้นตอนแรกเราต้องรู้ว่าจะนำกล้องเว็บแคม มาใช้งานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทใด ถ้าเป็นโน้ตบุ๊กก็ต้องเป็นกล้องเว็บแคม
ขนาดเล็กกะทัดรัด และสามารถติดตั้งบนจอแอลซีดีของโน้ตบุ๊กได้ แต่ถ้าใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปก็ แนะนำรุ่นที่มี
ขาตั้งที่มั่นคงสามารถวางบนจอมอนิเตอร์

เมื่อเลือกรูปแบบของกล้องได้แล้ว ก็มาเลือกตามคุณสมบัติภายในของกล้องเว็บแคมโดยเลือกจากชนิดของเซ็นเซอร์ที่ใช้กับภาพ โดยจะมีให้เลือกเป็น CMOS ในแบบ CIF และ VGA ซึ่งแนะนำว่าเป็นแบบ VGA จะให้ความละเอียดที่สูงกว่า หรือถ้าต้องการความละเอียดที่มากกว่านี้ ก็เลือกเซ็นเซอร์แบบ CCD จะดีกว่าแต่ทั้งนี้ราคาก็จะเพิ่มสูงขึ้น ตามชนิดของเซ็นเซอร์ และ
ความละเอียดของตัวกล้องเว็บแคม

สมัยนี้เว็บแคมดียังไง เรามาดูกัน!

ในสมัยนี้ เว็บแคมค่อนข้างที่จะมีความจำเป็นมากสำหรับคนที่ชอบใช้ชีวิตอยู่หน้าคอม ทั้งเหล่าสตรีมเมอร์ ดีเจ หรือแม้กระทั่งคนที่อยากจะคุยกับเพื่อนๆผ่านโปรแกรมแชทต่างๆ เพื่อที่จะได้เห็นหน้าตากัน ทำให้ทุกวันนี้ผู้ผลิตกล้องนั้นพากันออกรุ่นใหม่มากมายให้เหล่าคนชอบกล้องได้เลือกกัน อีกทั้งยังฟังชั่นพิเศษต่างๆ ดังนั้นการเลือกเว็บแคมก่อนซื้อนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก

เรามารู้กันก่อนคร่าวๆว่าเว็บแคมคืออะไร

เว็บแคม (Webcam) หรือชื่อเต็มๆที่เรียกกันว่า Web Camera. เว็บแคมนั้นเป็นอุปกรณ์ที่สามารถจับภาพเคลื่อนไหวของเราไปปรากฏในหน้ามอนิเตอร์ และยังสามารถส่งภาพเคลื่อนไหวนี้ไปยังอีกคนได้โดยระบบเครือข่าย โดยสามารถเห็นตัวเราเคลื่อนไหวได้เหมือนอยู่ต่อหน้ากัน ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์มากในปัจจุบัน ทั้งยังมีราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหลายพันบาท

วิธีการเลือกซื้อเว็บแคมมีดังนี้

  1. Frame rate คืออัตราความเร็วในการแสดงผลของภาพ ซึ่งมีหน่วยเป็น Frame per second (FPS) พูดง่ายๆก็คือ ยิ่งมีอัตราสูงเท่าไหร่ ก็จะทำให้ภาพไหลลื่นอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันจะนิยมใช้กันที่ 30 FPS ถึง 45 fps เลยทีเดียว
  2. สำหรับคนที่ใช้ในพื้นที่ไฟน้อยๆ หรือปิดไฟ จะแนะนำให้เลือกใช้ Night Vision LED เพื่อเพิ่มความสามารถของกล้อง ไม่ว่าจะปิดไฟอยู่ หรือพื้นที่ไฟที่น้อยโดยลีกเลี่ยงไม่ได้ โดย Night Vision LED จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับหลอดไฟ LED แต่จะไม่มีไฟส่องออกมา แสงนั้นจะออกมาในรูปแบบอินฟราเรดที่สายตาเรานั้นจะมองไม่เห็นนั้นเอง
  3. เว็บแคมบางตัวนั้นจะมีไมโครโฟนแถมมาด้วย เราสามารถซื้อไมโครโฟนแยกได้หากเราต้องการเสียงที่ดี แต่ไมโครโฟนที่มากับเว็บแคมนั้นก็มากับเทคโนโลยี USB Microphone ที่ทำออกมากับกล้องรุ่นใหม่ๆ โดยข้อดีของมันนั้นก็คือเสียงที่ดังชัด โดยบางทีอาจจะไม่ต้องการไมโครโฟนแยกเลยก็ได้
  4. บางรุ่นของกล้องเว็บแคม สามารถจับแค่ตัวเราได้ โดยไม่เห็นพื้นหลังของเรา โดยตัวกล้องนั้นจะจับสิ่งที่เคลื่อนไหวในระยะของกล้องนั่นเอง

  1. การรับประกันสินค้าและคุณภาพ อันนี้ก็เป็นจุดสำคัญในการเลือกซื้อเว็บแคม เพราะเวลาตัวกล้องมีปัญหา เราก็จะสามารถนำสินค้าไปเคลมกับทางร้านที่เราซื้อมาได้

การเลือกซื้อเว็บแคมนั้นอยู่ที่ความต้องการของผู้ใช้งานว่าจะนำไปใช้แบบไหน ต้องการความชัดมากแค่ไหน งบประมาณเท่าไหร่ หรือจะเน้นพกพาไปที่ต่างๆก็เหมาะกับเลือกขนาดกล้องที่เล็กได้ครับ