Slider
ดูหนังเอเชีย

ย้อนดูที่มา 6 เทคโนโลยีรถยนต์ ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

รู้หรือไม่ว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ ในรถยนต์ที่เราใช้งานกันเพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่ หลายอย่างมีที่มายาวนานแล้ว มาย้อนประวัติ 6เทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ สาระดี ๆ น่ารู้ที่คุณไม่ควรพลาด

วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีมีการพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในแวดวงอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เป็นกำลังขับเคลื่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่ให้มีการเติบโตก้าวทันกระแสสังคมอยู่เสมอ ทางค่ายผู้ผลิตเองจึงไม่หยุดที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อที่จะให้สินค้าและบริการของตัวเองได้ขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ ของการเป็นตัวเลือกจากผู้ใช้บริการ

เทคโนโลยีในวงการอุตสาหกรรมมีการขับเคลื่อนพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

เทคโนโลยีในวงการอุตสาหกรรมมีการขับเคลื่อนพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

ไม่แตกต่างกันในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ไม่หยุดสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยีด้วยความตั้งใจที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่รถของทางค่ายพวกเขา เราจึงเห็นรถยนต์หลายรุ่นในปัจจุบัน ที่ถูกผลิตออกมาต่างถูกติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ ๆ รองรับการใช้งานที่ทั่วถึงและดีขึ้นยิ่งไปเรื่อย ๆ บางอย่างก็เป็นนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ บางอย่างก็เป็นเทคโนโลยีที่มีการคิดค้นกันมานานแล้วและถูกวิวัฒนาการให้ตอบโจทย์โลกยุคใหม่ เพื่อให้ทันกระแสตลอดเวลา 

ย้อนดูที่มา 6 เทคโนโลยีรถยนต์ ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

ย้อนดูที่มา 6 เทคโนโลยีรถยนต์ ที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

และวันนี้เราจะมาพูดถึงประวัติความเป็นมาแบบกระชับสำหรับ 6 เทคโนโลยีรถยนต์ ที่มีการคิดค้นมาอย่างยาวนานและถูกใช้มาตลอดแม้กระทั่งในปัจจุบัน ที่ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเหล่านี้เช่นเดิม มาดูกันว่าใครกันที่เป็นผู้เริ่มต้นสร้างสรรค์พัฒนาเทคโนโลยีที่สร้างความสะดวกสบายให้เราได้ใช้งานกันในทุกวันนี้

1. ระบบเบรก ABS ที่ถูกพัฒนามาจากเทคโนโลยีการบิน

Ford Zephyr  คือรถรุ่นบุกเบิกที่มีการเริ่มใช้ระบบ ABS

Ford Zephyr  คือรถรุ่นบุกเบิกที่มีการเริ่มใช้ระบบ ABS

เทคโนโลยี ABS คิดค้นมาจากเทคโนโลยีการบินที่เริ่มคิดระบบเบรกขึ้นมาโดยเป็นการต่อยอดจากระบบดรัมเบรก ซึ่งเริ่มในสมัยปีค.ศ.1929 ยุคเฟื่องฟูของดรัมเบรก เพื่อพัฒนาให้การเบรกหยุดความเร็วของเครื่องบินมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนกระทั่งเมื่อปีค.ศ. 1960 ระบบ ABS ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยเริ่มมาจากการนำมาติดตั้งใช้ในสนามแข่งรถก่อนที่จะแพร่หลายไปถูกติดตั้งในรถยนต์ทั่วไปบนท้องถนน โดยค่าย Ford เป็นผู้เริ่มบุกเบิกให้การใช้งาน ABS โดยรถรุ่นแรกที่ใช้คือ Ford Zephyr  และปีเดียวกันนั้นทางค่ายรถจากญี่ปุ่น Nissan ก็มีระบบเดียวกันถูกพัฒนาออกมาในรุ่น Nissan President นับว่าเป็นรถคันแรกจากฝั่งญี่ปุ่นที่มีระบบ ABS 

2. ระบบ Cruise Control เทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นมาจากผู้พิการสายตา

Ralph Teetor ผู้คิดค้นระบบ Cruise Control

Ralph Teetor ผู้คิดค้นระบบ Cruise Control

เด็กชาย Ralph Teetor วัย 5 ขวบกลายเป็นผู้พิการทางสายตาจากอุบัติเหตุ และเมื่อเติบโตขึ้นเขาได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการทำงานของรถยนต์ การจุดประกายคิดค้นเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการรถยนต์เริ่มขึ้นเมื่อในวันหนึ่งของการเดินทางเขาสังเกตุว่าทนายความเจ้าของรถที่เขานั่งมาด้วยจะทำการชะลอรถทุกครั้งขณะที่หันมาสนทนากับเขา และกลับไปเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเมื่อเปลี่ยนบทบาทเป็นผู้รับฟัง ซึ่งจังหวะการเร่งสลับชะลอรถเช่นนี้สร้างความรำคาญให้แก่ทีเตอร์เป้นอย่างมาก เขาจึงเกิดไอเดียที่จะคิดค้นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติขึ้นมาให้ได้

สิทธิบัตรอุปกรณ์ควบคุมความเร็วของรถยนต์

สิทธิบัตรอุปกรณ์ควบคุมความเร็วของรถยนต์

เวลาแห่งการศึกษาร่วม 10 ปี ผ่านมาจนถึงปี 1945 ในที่สุด ทีเตอร์ก็ได้จดสิทธิบัติอุปกรณ์ควบคุมความเร็วรถยนต์ได้สมความพยายาม โดยเทคโนโลยีนี้มีหลากหลายชื่อเลยทีเดียว ก่อนจะลงเอยมาเป็น Cruise Control และถูกนำมาใช้เชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเมื่อปี 1958 จากการดำเนินการของบริษัทรถยนต์ชื่อดังอย่าง Chrysler และถูกพํฒนามาเป็นระบบที่เราใช้งานอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

3. เทคโนโลยีไฮบริดกับแนวคิดขจัดปัญหากวนใจ

Jakob Lohner กับรถไฮบิรดคันแรกในโลกที่เขาเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา

Jakob Lohner กับรถไฮบิรดคันแรกในโลกที่เขาเป็นผู้คิดค้นขึ้นมา

เทคโนโลยีไฮบริดฟังดูแล้วเหมือนเป็นอะไรที่ทันสมัย หลายคนอาจคิดว่าการเริ่มต้นของไฮบริดอยู่ในยุคสมัยใหม่ ก่อกำเนิดขึ้นพร้อมกับรถยนต์ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นรถยนต์ไฮบริดคันแรกของโลก แต่อันที่จริงแล้วคุณหรือไม่? ว่าการสร้างสรรค์นวัตกรรมผสมผสานระหว่างแบตเตอรี่และเครื่องยนต์มาการคิดค้นมายาวนานกว่าที่คิด เมื่อปี 1900 นักผลิตรถยนต์ชาวออสเตรีย Jakob Lohner มีแนวคิดที่จะแก้ปัญหารถยนต์เสียงดังและน้ำมันที่ส่งกลิ่นเหม็นจากการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน จึงได้ทำการหารือกับ Ferdinand Porsche ชาวเยอรมันผู้ก่อตั้งรถยนต์ Porsche และเกิดแนวคิดสร้างระบบไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ผสานเข้ากันในรถยนต์ และได้มีการติดตั้งก่อนนำไปแสดงโชว์ครั้งแรกที่กรุงปารีสใรปี 1900 และนั่นก็ถือว่าเป็นรถยนต์ไฮบริดคันแรกของโลก

4. ถุงลมนิรภัยจากแนวคิดที่เกิดจากความห่วงใยคนในครอบครัว

John W Hetrick และสิทธิบัตรของเขา

John W Hetrick และสิทธิบัตรของเขา

ระบบความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานในรถยนต์ทุกคันในปัจจุบัน ถูกบันทึกเอาไว้ถึงจุดเริ่มต้น โดยกล่าวอ้างเอาไว้ว่าถุงลมนิรถัยที่ใช้ในรถยนต์นั้นถูกผลิตออกมาครั้งแรกเมื่อปี 1941 ในลักษณะเป็นถุงที่เต็มไปอากาศ และจากในรายงานปี 1951 เผยข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น โดยมีรายละเอียดบันทึกไว้ว่า เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 1953 วิศวกรอุตสาหกรรมและสมาชิกของกองทัพเรือสหรัฐฯ อเมริกัน จอห์น แฮทริค ได้มีการออกสิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการจดทะเบียนถุงลมที่เขาออกแบบบนพื้นฐานของประสบการณ์ของเขาเองด้วยการบีบอัดอากาศจากตอร์ปิโด ระหว่างการให้บริการของเขาในกองทัพเรือ บวกกับความปรารถนาที่จะให้ความคุ้มครองแก่ครอบครัวของเขาเองในรถยนต์ของพวกเขาในระหว่างที่มีการเกิดอุบัติเหตุ 

ภาพการทดสอบถุงลมนิรภัยในสมัยโบราณ

ภาพการทดสอบถุงลมนิรภัยในสมัยโบราณ

จนกระทั่งหลังจากสิทธิบัตรหมดอายุลงในปี 1971 มันได้ถูกติดตั้งให้ทำการทดลองใช้งานในรถยนต์ยี่ห้อ Ford เพียงไม่กี่คันเท่านั้น ซึ่งในระหว่างเดียวกัน การคิดค้นและออกแบบถุงลมก็มีการพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่องจนได้มาเป็นแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

5. เข็มขัดนิรภัยแบบสามจุดจากการต่อยอดเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด

สิทธิบัตรซ้าย : ต้นฉบับ / สิทธิบัตรขวา : ฉบับปรับปรุงใหม่

สิทธิบัตรซ้าย : ต้นฉบับ / สิทธิบัตรขวา : ฉบับปรับปรุงใหม่

แรกเริ่มของระบบความปลอดภัยในรถยนต์ สมัยที่ใช้เข็มขัดนิรภัยแบบ 2 จุดอย่างแพร่หลาย กลับพบปัญหามากมายที่ผู้ใช้งานรถยนต์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านอกจากจะป้องกันความปลอดภัยได้ไม่ดีแล้ว เหมือนว่าจะสร้างปัญหาให้มากขึ้นอีกด้วยซ้ำ จึงเกิดการคิดค้นเข้มขัดนิรภัยขึ้นมา เป็นการต่อยอดเข็มขัดแบบ 2 จุดเป็น 3 จุด โดยผู้คิดค้นเป็นชาวอเมริกันสองคนคือ Roger Griswold และ Hugh DeHaven ซึ่งรูปแบบของเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดใหม่มีชื่อเรียกว่า CIR หรือ Griswold restrain แต่อย่างไรก็ตามผลงานของทั้งคู่ยังไม่ได้นำมาถูกใช้งานในรถยนต์

Nils Bohlin ผู้นำแนวคิดรูปแบบเดิมไปต่อยอดและได้มาเป็นแบบที่มีประสิทธิภาพที่สุด

Nils Bohlin ผู้นำแนวคิดรูปแบบเดิมไปต่อยอดและได้มาเป็นแบบที่มีประสิทธิภาพที่สุด

จนกระทั่งเมื่อทาง Nils Bohlin วิศวกรชาวสวีดิชซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ Volvo ได้นำแนวคิดไปต่อยอดและถูกพัฒนาออกมาเป็นเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดที่มีประสิทธิภาพและใช้งานได้สะดวกกว่ารูปแบบเดิม และถูกจดสิทธิบัตรในอเมริกาเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 1962 และรถคันแรกที่ได้ใช้เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดคือ   หรือ Volvo Amazon ซึ่งการค้นพบนวัตกรรมใหม่นี้ ทาง Volvo ไม่จดลิขสิทธิ์เป็นกรรมสิทธิ์เป็นของคนเองเพียงผู้เดียว ทางค่ายได้อนุญาตให้ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ใช้เข็มขัดนิรภัยแบบใหม่นี้ด้วยเเพราะยึดมั่นในหลักอุดมการณ์ว่าความปลอดภัยของผู้ใช้นั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด จนถึงปัจจุบันผ่านมานานร่วม 50 ปีแล้ว สิ่งที่ Volvo สร้างไว้กลายมาเป็นบทบาทหลักสำคัญในวงการรถยนต์ไปอย่างเต็มภาคภูมิ

6. เครื่องเสียงรถยนต์แนวคิดเพื่อความอยู่รอด

สองพี่น้องตระกูล Galvin

สองพี่น้องตระกูล Galvin

ย้อนความกลับไปเมื่อปีค.ศ. 1928  บริษัทผู้ผลิต Battery Eliminators นามว่า Galvin Manufacturing Corporation ถือกำเนิดขึ้นมาภายใต้การจัดตั้งของสองพี่น้องตระกูล Galvin นั่นคือ Paul V. Galvin และผู้เป็นพี่ชายนามว่า Joseph Galvin โดยบริษัทผลิตแบตเตอรี่นี้ ได้ทำให้เครื่องวิทยุที่ใช้กระแสไฟในบ้านสามารถเปลี่ยนมาใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ แต่ธุรกิจนี้ดำเนินการไปได้เพียงแค่ปีเดียว ก็เผชิญภาวะตลาดหุ้นล่มสลายจากพิษเศรษฐกิจอันตกต่ำในยุคนั้น และนั่นทำให้ Battery Eliminators มีบทบาทในตลาดน้อยลงและกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไปในที่สุด สองพี่น้องจึงต้องมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มาหล่อเลี้ยงให้ธุรกิจของตนดำเนินการต่อไปได้เพื่อความอยู่รอด

วิทยุรถยนต์เครื่องแรกที่ถูกผลิตภายใต้ชื่อ Motorola

วิทยุรถยนต์เครื่องแรกที่ถูกผลิตภายใต้ชื่อ Motorola

จนเมื่อทั้งคู่ได้ศึกษาและมองเห็นความต้องการตามยุคสมัยของผู้บริโภคที่ประเมินไว้แล้วว่าจะมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง อย่างทางเทคโนโลยีด้านวิทยุที่อยู่ในกระแสได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก Galvin จึงเข้าสู่การพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขและประยุกต์ให้มีการติดตั้งวิทยุในรถยนต์และได้รับผลตอบรับที่ดีเยี่ยม ประสบความสำเร็จสูงสุด โดยวิทยุติดรถยนต์เครื่องแรก ถูกผลิตขึ้นภายใต้ชื่อ Motorola และพัฒนาต่อเนื่องมาอย่างยาวนานจนกระทั่งแปรผันกลายมาเป็นระบบเครื่องเสียงที่มีออฟชั่น ส่วนเสริมต่าง ๆมาสร้างความสมบูรณ์แบบให้แก่รถยนต์ในปัจจุบัน

วิวัฒนาการของเทคโลยีต่างสร้างสรรค์ให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

วิวัฒนาการของเทคโลยีต่างสร้างสรรค์ให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

ในยุคสมัยที่ความล้ำหน้าและอุปกรณ์รองรับทางเทคโนโลยียังเทียบไม่เท่ากับปัจจุบัน แต่ความคิดของคนในยุคนั้นต้องยอมรับว่าสร้างสรรค์มาก ๆ และกลายเป็นสิ่งที่จุดประกายให้คนยุคหลังได้นำมาพัฒนาต่อยอดและกำเนิดสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้แก่ชีวิตได้อย่างทรงคุณค่าและเต็มประสิทธิภาพ และวิวัฒนาการทางความคิดของมนุษย์เราก็จะคงดำเนินไปอย่างไม่รู้จบควบคู่ไปกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ไม่มีวันหยุดขับเคลื่อนเพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าเช่นกัน