Slider
ดูหนังเอเชีย

Blog

จะเลือกซื้อโทรศัพท์ในยุคนี้ ต้องดูที่อะไรบ้าง?

ซื้อ, โทรศัพท์, อะไรบ้าง, ปัจจัย, สำคัญ, ต้องการ, iOS, Android, Apple

ซื้อมือถือใหม่ต้องดูที่อะไรบ้าง?

ซื้อ, โทรศัพท์, อะไรบ้าง, ปัจจัย, สำคัญ, ต้องการ, iOS, Android, Apple

การจะเลือกซื้อโทรศัพท์สักเครื่องหนึ่งในยุคนี้ คงต้องดูก่อนว่าเราจะใช้มันทำอะไรบ้าง? และจะใช้ทำอะไรเป็นหลัก จะเล่นโซเชียล ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ หรือถ่ายรูป? เพราะความชอบของแต่ละคนนั้นมีไม่เหมือนกัน เพื่อที่มันจะได้สามารถตอบโจทย์กับความต้องการของเราได้จริงๆ นอกจากนี้ก็ยังมีองค์ประกอบอีกหลายอย่างที่เราต้องเลือกดูให้ละเอียดด้วย

โลกยุคปัจจุบันมือถือได้เข้ามามีบทบาทและเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตมนุษย์เพิ่มมากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่เราใช้มือถือเพียงแค่โทร-รับสาย หรือส่งข้อความเท่านั้น แต่ในปัจจุบันได้มีปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเข้ามาอีกมากมาย ทำให้ความต้องการมือถือของคนในยุคนี้มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เลือกโทรศัพท์ในยุคปัจจุบัน ต้องดูที่อะไรบ้าง?

ซื้อ, โทรศัพท์, อะไรบ้าง, ปัจจัย, สำคัญ, ต้องการ, iOS, Android, Apple

เอาล่ะค่ะ วันนี้เราก็ได้นำเอาทริคดีๆ สำหรับการเลือกซื้อโทรศัพท์ในยุคปัจจุบัน ว่าเราควรจะต้องดูที่อะไรบ้าง? มาบอกทุกคนกันค่ะ เพื่อช่วยให้เพื่อนๆ สามารถตัดสินใจได้ง่ายและตรงใจมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ

ซื้อ, โทรศัพท์, อะไรบ้าง, ปัจจัย, สำคัญ, ต้องการ, iOS, Android, Apple

1. ความต้องการของตัวเอง

ถ้าเรารู้ความต้องการของตัวเอง เราก็จะเลือกได้ง่ายขึ้น เช่น ถ้าเราเน้นใช้งานเกี่ยวกับการทำงานและเล่นเกมด้วย ก็ต้องเลือกเครื่องที่มีหน่วยความจำเยอะหน่อย เลือก CPU รวมไปถึงแบตเตอรี่มือถือที่มีความจุไฟเยอะๆ สามารถใช้ได้นานทั้งวัน

2. กำหนดงบประมาณในใจ

เราควรกำหนดงบประมาณสูงสุดของตัวเองในการซื้อมือถือเอาไว้ก่อน เพื่อเป็นการตีกรอบตัวเลือกตามงบที่เรามีจริงๆ

3. ระบบปฏิบัติการ

ระบบปฏิบัติการแบ่งเป็น 2 ระบบปฏิบัติการเท่านั้น ก็คือ iOS (ของ Apple) และ Android (มีหลายแบรนด์) ซึ่งทั้งสองระบบต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป เราก็ต้องถามตัวเองก่อนว่าต้องการใช้ระบบปฏิบัติการแบบใด

4. CPU

คือ หน่วยประมวลผลกลาง เหมือนสมองของมือถือ ซึ่งปัจจุบัน CPU ก็มีหลายประเภท ถ้าตัวเลขความเร็ว CPU ยิ่งสูงก็ยิ่งทำงานได้เร็วขึ้นด้วย

5. ROM (Read-Only Memory)

หน่วยความจำถาวรของมือถือที่ให้มาบนเครื่อง ซึ่งความจริงแล้วน่าจะเรียกว่า Internal Storage มากกว่า ซึ่งก็คือหน่วยความจำภายในเครื่องนั่นเองค่ะ

6. RAM (Random Access Memory)

เป็นหน่วยความจำชั่วคราวของมือถือ รับ-ส่ง และเป็นที่พักข้อมูล ระหว่างการใช้งาน ยิ่ง RAM เยอะ การทำงานก็จะยิ่งเร็วขึ้น ถ้า RAM น้อยก็อาจทำงานช้าลงได้ ดังนั้นการเลือก RAM ก็เป็นสิ่งสำคัญในการทำงานของเครื่อง บางครั้งก็ทำงานร่วมกับ CPU มือถือด้วย

7. หน้าจอแสดงผล

เป็นส่วนหน้าของตัวเครื่องที่ทำหน้าที่แสดงผลภาพมาให้เราเห็น และเป็นส่วนที่เราจะต้องเอามือไปทัชสัมผัส ในส่วนนี้เราจะโฟกัสไปที่ รูปแบบ ประเภท ขนาด ความละเอียดและเทคโนโลยีแสดงผลพิเศษ กระจกที่ใช้ และสุดท้ายการทัชสกรีน

8. กล้อง

เลือกดูความละเอียดทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ว่ามีจำนวนพิกเซล และค่ารูรับแสงเท่าไหร่ นอกเหนือจากนี้ยังต้องดูฟังก์ชั่น หรือฟีเจอร์พิเศษอื่นๆ ในกล้องมือถือด้วย เช่น สามารถป้องกันภาพไหว กรณีถ่ายสั่นไหวได้หรือเปล่า รวมไปถึงโหมดวิดีโอว่าสามารถถ่ายความละเอียดได้มากน้อยแค่ไหน

9. แบตเตอรี่

ยิ่งมีความจุสูง mAh มาก ก็จะสามารถใช้มือถือได้ทั้งวัน ดังนั้นการเลือกมือถือที่มีปริมาณแบตเยอะๆ ก็จะทำให้เราใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น นอกจากนี้สิ่งที่มาควบคู่กับเรื่องปริมาณแบตเตอรี่ ก็คือเรื่องฟังก์ชั่นการชาร์จ ซึ่งบางรุ่นจะรองรับเทคโนโลยีชาร์จไร้สาย เทคโนโลยี Reverse Charge ที่สามารถใช้มือถือตัวเองชาร์จไฟให้เครื่องอื่นได้ หรือเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่จำเป็นมากๆ และช่วยย่นระยะเวลา เพิ่มความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น

10. ดูโปรโมชั่นและการรับประกัน

บางครั้งเราอาจจะต้องยอมตกเป็นเหยื่อของการตลาด กับโปรโมชั่นลด แลก แจก แถม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของส่วนลด การผ่อนชำระ การได้เครดิตเงินคืน และของแถม ซึ่งบางรุ่น บางแบรนด์ บางร้านก็จะมีการรับประกันจอแตกเพิ่มให้ด้วย

จะเลือกซื้อโทรศัพท์ในยุคนี้ ต้องดูที่อะไรบ้าง?

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีปัจุบัน

ส่องเทคโนโลยีของกล้องบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน เป็นอย่างไร?

ส่องเทคโนโลยีของกล้องบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน เป็นอย่างไร?

เทคโนโลยี, กล้อง, สมาร์ทโฟน, ความละเอียด, ความคมชัด, จำนวน เลนส์, มุมกว้าง, ซูมได้ไกล, ถ่าย มาโคร

ปัจจุบัน เทคโนโลยีของกล้องบนสมาร์ทโฟนถือว่าพัฒนามาไกลและรวดเร็วมากเลยทีเดียว โดยถ้าเทียบกับเมื่อก่อน จะเห็นได้ว่าคนละเรื่องกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะคุณภาพของภาพถ่าย ที่ในปัจจุบัน Smartphone บางรุ่น คุณภาพแทบจะเทียบเท่ากับ Mirrorless หรือ DSLR แล้ว จึงทำให้ตอนนี้หลายคนนิยมพกพาแค่ Smartphone เครื่องเดียวไปใช้ถ่ายรูปในทุกโอกาส

สำหรับสิ่งที่พัฒนาขึ้นมานั้น หลักๆ ที่เห็นได้ชัดที่สุดคือความละเอียด ซึ่งตอนนี้สูงสุดถึงหลักร้อยล้านพิกเซลแล้ว ถ้าเทียบกับสมัยก่อนที่ความคมชัดเพียงแค่ VGA ถือว่าแตกต่างกันหลายร้อยหลายพันเท่าเลยทีเดียว นอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็จะเป็นเรื่องของจำนวนของเลนส์ ที่มือถือสมัยนี้ มักจะมากับเลนส์ติดตัวเครื่องมากกว่า 2 เลนส์กันแล้ว ต่างจากที่เมื่อก่อน มีแค่เลนส์เดียวก็จบ และยังมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย ที่เราจะพาทุกไปดูกันในวันนี้

กล้องบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน เป็นอย่างไร ?

เทคโนโลยี, กล้อง, สมาร์ทโฟน, ความละเอียด, ความคมชัด, จำนวน เลนส์, มุมกว้าง, ซูมได้ไกล, ถ่าย มาโคร

สำหรับกล้องบนสมาร์ทโฟนในปัจจุบันนั้น เรียกได้ว่าพัฒนาไปมากเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากข้อมูลด้านบนแล้ว เราจะอธิบายเพิ่มเติมให้ทุกคนได้อ่านกัน ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

กล้องความละเอียดสูงสุด 108 ล้านพิกเซล

เทคโนโลยี, กล้อง, สมาร์ทโฟน, ความละเอียด, ความคมชัด, จำนวน เลนส์, มุมกว้าง, ซูมได้ไกล, ถ่าย มาโคร

ความละเอียดของกล้องนั้นถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่พัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยในแต่ละปีก็มีการพัฒนาความละเอียดสูงสุดของภาพที่สามารถถ่ายได้ขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่สมัยอดีตที่มีความละเอียดเฉลี่ยของแต่ละรุ่นไม่เกิน 10 ล้านพิกเซล ได้พัฒนาขึ้นมาเป็น 20 ล้านพิกเซล 48 ล้านพิกเซล 64 ล้านพิกเซล และล่าสุดที่ความคมชัดสูงระดับ 108 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว

เทคโนโลยีการรวมพิกเซล

เทคโนโลยี, กล้อง, สมาร์ทโฟน, ความละเอียด, ความคมชัด, จำนวน เลนส์, มุมกว้าง, ซูมได้ไกล, ถ่าย มาโคร

เทคโนโลยีนี้จะใช้ประโยชน์จากเลนส์ความละเอียดสูงในด้านบน เพื่อให้ภาพคมชัดขึ้น โดยจะเป็นการรวมพิกเซลจากภาพขนาดใหญ่เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ภาพที่ขนาดเล็กลง แต่มีรายละเอียดและสีสันที่ดีมากขึ้น เช่น เลนส์กล้องที่มีความละเอียดสูง 48 ล้านพิกเซล เมื่อรองรับเทคโนโลยีนี้ กล้องก็จะถ่ายภาพออกมาเป็นทั้งหมด 4 ชุด และนำพิกเซลของแต่ละภาพมารวมเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้ได้ภาพใหม่ที่มีความคมชัดและรายละเอียดสูง ที่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล

เลนส์หลากประเภทในเครื่องเดียว

เทคโนโลยี, กล้อง, สมาร์ทโฟน, ความละเอียด, ความคมชัด, จำนวน เลนส์, มุมกว้าง, ซูมได้ไกล, ถ่าย มาโคร

ในสมัยก่อน กล้องมือถือก็จะมีเพียงกล้องหลักแค่ 1 เลนส์ และถ้ามีกล้องหน้า กล้องหน้าก็จะมีเพียง 1 เลนส์เท่านั้น ซึ่งทำให้ถ่ายรูปได้ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากไม่สามารถเปลี่ยนเลนส์กล้องได้เหมือนกับ DSLR และ Mirrorless แต่ในปัจจุบัน สมาร์ทโฟนหลายยี่ห้อนิยมใส่กล้องมาให้ตั้งแต่ 2 เลนส์ ซึ่งเลนส์ที่ใส่มาก็มีทั้งเลนส์ Wide (เลนส์มุมกว้าง) Ultra-wide (เลนส์มุมกว้างพิเศษ) Telephoto(เลนส์ซูม) Depth (เลนส์วัดระยะตื้น-ลึก) Macro (เลนส์สำหรับถ่ายระยะใกล้) และเลนส์กล้องแบบปกติ  ซึ่งช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายบนสมาร์ทโฟนได้หลากหลายขึ้น

การซูมแบบไม่สูญเสียความละเอียด และซูมได้ไกลถึง 100 เท่า

เทคโนโลยี, กล้อง, สมาร์ทโฟน, ความละเอียด, ความคมชัด, จำนวน เลนส์, มุมกว้าง, ซูมได้ไกล, ถ่าย มาโคร

เทคโนโลยีการซูมในกล้องบนสมาร์ทโฟนนั้นถือว่ามีข้อจำกัดมาตลอด เพราะในอดีตมักจะใช้การซูมโดยขยายภาพเข้า ทำให้ความคมชัดนั้นน้อย และความละเอียดไม่ดีนัก แต่ในปัจจุบัน สมาร์ทโฟนในปี 2020 มาพร้อมกับเลนส์ซูม ที่สามารถซูมได้สูงสุด 30 เท่าแบบไม่สูญเสียรายละเอียด ทำให้ได้ภาพที่ซูมและยังคงคมชัดอยู่ รวมถึงระยะการซูม ที่บางรุ่นสามารถซูมได้สูงสุดถึง 100 เท่า เรียกได้ว่ายืนถ่ายดวงจันทร์จากบนโลกได้สบายๆ

การปรับแต่งที่ทำได้เทียบเท่ากล้องระดับโปร

เทคโนโลยี, กล้อง, สมาร์ทโฟน, ความละเอียด, ความคมชัด, จำนวน เลนส์, มุมกว้าง, ซูมได้ไกล, ถ่าย มาโคร

ปัจจุบันฟังก์ชั่นกล้องบนสมาร์ทโฟน สามารถปรับตั้งค่าได้หลากหลายอย่าง โดยเฉพาะรุ่นที่เป็นตัวท็อปของแต่ละค่าย ที่มักจะใส่การตั้งค่าในโหมดโปรมาเทียบเท่ากับกล้องระดับโปรเลยทีเดียว ข้อนี้เองที่จะช่วยให้เรารีดประสิทธิภาพของกล้องบนสมาร์ทโฟนให้มีคุณภาพออกมาเทียบเท่ากับกล้องระดับโปรได้เลย

โหมดการถ่ายภาพที่มีความหลากหลายขึ้น

เทคโนโลยี, กล้อง, สมาร์ทโฟน, ความละเอียด, ความคมชัด, จำนวน เลนส์, มุมกว้าง, ซูมได้ไกล, ถ่าย มาโคร

ในอดีต โหมดการถ่ายภาพบนโทรศัพท์มักจะมีน้อย ทำให้ถ่ายภาพได้ไม่หลากหลายมากนัก แต่ในปัจจุบัน สมาร์ทโฟนมีตัวเลือกของโหมดการถ่ายภาพเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้เราสามารถเลือกโหมดการถ่ายภาพให้เข้ากับฉากที่เราจะถ่ายได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะโหมดการถ่ายภาพแบบกลางคืน ที่พัฒนาขึ้นมาได้ดีจนทำให้ได้ภาพถ่ายตอนกลางคืนที่มีรายละเอียด สีสัน และความคมชัดที่ดีขึ้น

แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไป ในอนาคตเราก็คงจะได้เห็นพัฒนาการของ Smartphone ด้านการถ่ายภาพที่ดีมากขึ้น ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็น Smartphone ที่ถ่ายภาพได้มุมกว้างมากขึ้น จนเกือบจะ 180 องศา ซูมได้ไกลและความละเอียดของภาพถ่ายดีมากขึ้น รวมถึงการถ่ายภาพแบบมาโคร ที่อาจจะถ่ายได้ใกล้สุดๆ จนสามารถขยายรายละเอียดบนวัตถุได้เสมือนกล้องจุลทรรศน์เลยก็ได้ ต้องรอดูกันต่อไปครับ

เทคโนโลยีมีบทบาทในการแก้ปัญหาสังคมอย่างไร

เทคโนโลยีมีบทบาทในการแก้ปัญหาสังคมอย่างไร

เทคโนโลยีมีบทบาทในการแก้ปัญหาสังคมอย่างไร

ในยุคปัจจุบันที่โลกหมุนไปไว การเปลี่ยนแปลงรอบตัวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญและสร้างผลกระทบต่อทุกแง่มุมของชีวิตคน
Good Factory องค์กรที่ทำงานด้านการส่งเสริมการแก้ปัญหาสังคมด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงได้จัดกิจกรรมสำหรับแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับภาคีของ สสส. เพื่อสร้างความเข้าใจและโอกาสในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม

เทคโนโลยี

คือ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มีขึ้นเพื่อจุดประสงค์เฉพาะบางอย่าง และเทคโนโลยีไม่ได้เป็นเรื่องของความเท่แต่เกิดขึ้นเพื่อใช้ในการแก้ปัญหา  ในอดีตสมัยที่คนเรามีความยากลำบากในการเดินทาง จึงมีการคิดค้นเกวียนขึ้นมาเพื่อช่วยให้เดินทางได้สะดวกขึ้น แต่เกวียนก็มีข้อจำกัดเรื่องความช้า ต่อมาจึงมีการพัฒนายานพาหนะอย่างรถยนต์ขึ้น ซึ่งแม้จะทำให้ขนส่งได้เร็วขึ้น แต่ก็มีปัญหาตามมาคือ การสิ้นเปลืองน้ำมัน เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และสร้างปัญหามลภาวะ ล่าสุดจึงเกิดการพัฒนาเป็น Tesla ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ควบคุมการขับได้เอง (self-drive car) และประหยัดน้ำมัน โดยนำการทำงานของคอมพิวเตอร์มาช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากคน (human error)ในการใช้รถใช้ถนน เป็นต้น

 

เทคโนโลยีที่มาแล้วและกำลังจะมาอยู่กับเราในชีวิตประจำวัน

เทคโนโลยีที่มาแล้วและกำลังจะมาอยู่กับเราในชีวิตประจำวัน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีที่คอยมาช่วยเหลือเราในชีวิตประจำวัน และแน่นอนไม่ว่าคุณจะธุรกิจไหนก็ต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง วันนี้เราเลยมานำเสนอเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของเรา

1.เทคโนโลยีในธุรกิจ
ทุกวันนี้ในธุรกิจมีการแข่งขันกันสูง ด้านเจ้าของธุรกิจก็ต้องการลดต้นทุนแต่ยังคงคุณภาพในตัวสินค้าและบริการอยู่ การดึงเอาเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจทำให้สามารถประหยัดต้นทุนทางธุรกิจได้ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนเงินที่ใช้จ้างพนักงานและการมีความตรงต่อเวลาสูง

เทคโนโลยีในธุรกิจ

2.การใช้เทคโนโลยีในการสื่อสาร
ในอดีตเมื่อการสื่อสารถูกจำกัดเฉพาะการเขียนจดหมาย และรอให้ไปรษณีย์ส่งมอบข้อความของคุณ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีทำให้ข้อมูลการติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องง่าย คุณสามารถร่างข้อความธุรกิจและส่งอีเมล์หรือแฟกซ์ได้ภายในสองวินาทีโดยที่พวกเขาสามารถตอบกลับคุณทันทีเช่นกัน จึงทำให้สะดวกสบายและทำให้การเติบโตเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น

การใช้เทคโนโลยีในการสื่อสาร

3.การใช้เทคโนโลยีในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์
ในขณะที่โลกกำลังพัฒนาผู้คนทำงานหนักขึ้นทำให้พวกเขาไม่ค่อยมีเวลา ที่จะหาความสัมพันธ์ ดังนั้นเทคโนโลยีจึงมีส่วนช่วยในเรื่องนี้อย่างมาก วันนี้ผู้คนใช้ App โทรศัพท์มือถือเพื่อพบปะและเชื่อมต่อกับเพื่อนเก่าและใหม่ เครือข่ายทางสังคมเช่น Facebook.com , Tagged.com อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์เสมือนไม่แข็งแรงเท่าความสัมพันธ์ทางกายภาพ ดังนั้นฉันจึงแนะนำให้คุณสละเวลาและพบคนที่ต้องการจะสานสัมพันธ์

การใช้เทคโนโลยีในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์

4.การใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
วันนี้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกการศึกษา ด้วยการประดิษฐ์เทคโนโลยีและ App บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ซึ่งจะช่วยให้เรียนรู้ได้ง่ายขึ้น คุณสามารถเข้าถึงห้องสมุดแบบเต็มรูปแบบผ่านApp บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ผ่าน Smartphone หรือ iPad ได้

5.การใช้เทคโนโลยีในซื้อของออนไลน์
เทคโนโลยีทำให้การซื้อและขายมีความยืดหยุ่น ด้วยระบบการชำระเงินแบบ e-Payment เช่น Paypal.com และ Net bank ต่างๆ ผู้ใช้สามารถซื้อสิ่งต่างๆทางออนไลน์ได้โดยไม่ต้องออกจากบ้านเพิ่มความสะดวกสบายในบ้าน

การใช้เทคโนโลยีในซื้อของออนไลน์

6.การใช้เทคโนโลยีในการเกษตร
ดูจะไม่เป็นเรื่องที่ไปด้วยกันได้ซักเท่าไหร่แต่เทคโนโลยีแสดงให้เห็นว่ามันสามารถทำได้ทุกอย่าง แม้แต่เรื่องเกี่ยวกับการเกษตร ด้วยการประดิษฐ์ Mobile App สำหรับเกษตรกรพวกเขาสามารถใช้ App เช่น “FamGraze” เพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น App”FamGraze” จะช่วยให้เกษตรกรจัดการหญ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยการแนะนำอาหารที่ถูกที่สุดสำหรับปศุสัตว์ของตน app นี้จะคำนวณปริมาณของหญ้าสัตว์ของคุณมีในเขตข้อมูล ช่วยให้คุณมีเวลามากขึ้นในขณะที่อยู่ในไร่

7.การใช้เทคโนโลยีในการธนาคาร
ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์โอนได้ง่ายมาก การสร้างบัตรวีซ่าอิเลคโทรนิคทำให้การโอนเงินทำได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกโจรกรรมไป คุณสามารถซื้ออะไรก็ได้ด้วยบัตรวีซ่าอิเลคโทรนิค ดังนั้นในกรณีนี้คุณจะไม่ต้องพกเงินสด ธนาคารใช้ซอฟต์แวร์เครือข่ายเพื่อตรวจจับการฉ้อโกง ซอฟต์แวร์มีประสิทธิ์ภาพสูงในการจำแนกรูปแบบดังนั้นหากโปรไฟล์ของคุณมีลักษณะคล้ายกับของผู้ที่ตั้งค่าเริ่มต้นธนาคารจะดำเนินการและช่วยคุณจากการถูกปล้น

การใช้เทคโนโลยีในการธนาคาร

8.การใช้เทคโนโลยีในการควบคุมธรรมชาติ
ธรรมชาติส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจทุกวัน ตัวอย่างเช่น น้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูกและที่อยู่อาศัยของพวกเขา ทำให้ดินชั้นบนที่อุดมสมบูรณ์เสียหายและทำลายการเจริญเติบโตของพืช นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดไฟไหม้อาคารพืชผลและป่าไม้ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์ อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีช่วยให้มนุษย์สร้างเขื่อนขนาดใหญ่ซึ่งสามารถกักน้ำส่วนเกินและใช้น้ำเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าได้ นอกจากนี้แสงอาทิตย์ยังช่วยให้บ้านของเราอุ่นและแปลื่ยนแปลงพลังงานกลับมาใช้มีการใช้ลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีในการควบคุมธรรมชาติ

9.การใช้เทคโนโลยีในการคมนาคมขนส่ง
การคมนาคมเป็นหนึ่งในพื้นฐานของทุกอุตสากรรม เวลาคือเงินดังนั้นเราต้องมีวิธีการขนส่งที่มีประสิทธิภาพลองจินตนาการถึงชีวิตที่ไม่ต้องเสียไปบนท้องถนน หรือสามารถส่งสินค้าได้ทันทีที่ลูกค้าสั่งอย่างไรก็ตามเทคโนโลยีการขนส่งมีการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆจนถึงปีที่ผ่านมา และตอนนี้เทคโนโลยีการขนส่งที่กำลังเข้ามามีชื่อว่า Hyperloop One ที่สามารถสร้างความเร็วได้ที่ 1,200 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือเทียบง่ายๆคือจากกรุงเทพไปจังหวัดลำพูนใช้เวลา 35 นาที ซึ่งไวกว่าเครื่องบินมาก และทำให้เราประหยัดเวลาได้มากขึ้น

เทคโนโลยีใหม่ที่เราจะได้ใช้ในชีวิตประจำวัน

10.เทคโนโลยีใหม่ที่เราจะได้ใช้ในชีวิตประจำวัน
แน่นอนว่าความต้องการของเราไม่สิ้นสุดและเทคโนโลยีใหม่ๆจะมาช่วยตอบโจทย์สิ่งเหล่านั้นซึ่งบางย่างก็ดูใช้เฉพาะกลุ่มเป็นอย่างมากและแน่นอนว่าพวกมันช่วยทำให้ชีวิตเรามีคุณภาพขึ้นอย่างแน่นอน ถึงตอนนี้ผู้อ่านคงอยากรู้แล้วว่ามันมีอะไรบ้าง อย่างนั้นเรามาเริ่มที่ชิ้นแรกกกันเลย

จะสามารถใช้ กล้องบันทึกวิดีโอเป็นกล้องเว็บแคม (Webcam) ได้หรือไม่

จะสามารถใช้ กล้องบันทึกวิดีโอเป็นกล้องเว็บแคม (Webcam) ได้หรือไม่

จะสามารถใช้ กล้องบันทึกวิดีโอเป็นกล้องเว็บแคม (Webcam) ได้หรือไม่

 

กล้องบันทึกวิดีโอโดยส่วนใหญ่ไม่รองรับการใช้งานเป็นกล้อง เว็บแคม เนื่องจาก หลังจากที่ไม่มีการใช้งานบันทึกนานสองถึงสามนาที ตัวเครื่องจะปิดลงไปเพื่อเป็นการประหยัดแบตเตอรี่ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากกล้องบันทึกวิดีโอของท่านมีตัวเลือกของ Auto Shut Off (A.Shut Off) ในเมนู สามารถจะตั้งไปเป็นOff หรือ Never เพื่อป้องกันการปิดเครื่องโดยอัตโนมัติได้ ถ้าหาก กล้องบันทึกวิดีโอของท่านไม่มีตัวเลือกนี้ จะไม่สามารถใช้เป็นกล้องเว็บแคม (Webcam) ได้

ข้อสำคัญ: ให้อ้างอิงกับ คู่มือการใช้งาน ที่ให้มากับ กล้องบันทึกวิดีโอของท่านเพื่อดูว่ามีตัวเลือก A.Shut Off นี้หรือไม่ คู่มือการใช้งานได้โพสต์ไว้ในหน้าการสนับสนุนที่รุ่นเครื่องของคุณ

หมายเหตุ: กล้องบันทึกวิดีโอที่มีตัวเลือก A.Shut Off นี้จะไม่ปิดเครื่องโดยอัตโนมัติ ถ้าหากเชื่อมต่ออยู่กับเต้ารับไฟ เมื่อเชื่อมต่อกับเต้ารับไฟไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งไปที่ Off หรือ Never ในเมนู

ถ้าหาก กล้องบันทึกวิดีโอของท่านสามารถจะตั้งค่านี้ได้ เครื่องจะไม่ปิดลงไปโดย อัตโนมัติ ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อทำการเซ็ตอัปให้เป็นกล้อง เว็บแคม (Webcam):

  1. เสียบ AC power adapter สำหรับกล้องบันทึกภาพวิดีโอ เข้ากับเต้ารับไฟที่ใช้งานได้ และจากนั้นจึงเชื่อมต่อเข้ากับกล้องบันทึกภาพวิดีโอ
  2. เชื่อมต่อสาย Composite video เข้ากับแจ็คเสียบ A/V บนกล้องบันทึกวิดีโอ
  3. เชื่อมต่อปลายอีกด้านหนึ่งของสาย Composite video นี้เข้ากับแจ็ค VIDEO IN บนตัวเครื่อง คอมพิวเตอร์
  4. เปิดกล้องขึ้นมา
  5. เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ขึ้นมา
  6. เริ่มการทำงานของแอปพลิเคชัน เว็บแคม (Webcam)
    หมายเหตุ: สอบถามกับผู้ผลิตซอฟต์แวร์ เพื่อขอความช่วยเหลือในการเซ็ตอัปหรือใช้ซอฟต์แวร์ เว็บแคม (Webcam)

5 อันดับ Webcam ยี่ห้อไหนดี ฉบับล่าสุดปี 2020

5 อันดับ Webcam ยี่ห้อไหนดี ฉบับล่าสุดปี 2020

ในยุคปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตได้ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมากมายในแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา ด้านสื่อบันเทิง ด้านการทำงาน ด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการศึกษาและการทำงานในทุกวันนี้ ที่มักจะนำ “ระบบประชุมทางไกลออนไลน์ (Web Conference)” มาใช้ประกอบในการเรียนการสอนและการประชุมวางแผนในการทำงาน ทำให้ “เว็บแคม (Webcam)” เป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจ แต่เนื่องจากในท้องตลาด มี Webcam จำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งแบรนด์ดังที่คุ้นหูกันดีและแบรนด์น้องใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ทำให้หลายคนไม่รู้ว่า ควรจะเลือก Webcam แบบไหนถึงจะใช้งานได้ดี มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับราคา

ในบทความนี้ เราจึงจะมาแนะนำวิธีการเลือก Webcam พร้อมทั้งแนะนำ Webcam 5 รุ่นยอดนิยมในรูปแบบของการจัดอันดับ ซึ่งทีมงานมายเบสท์ได้ทำการค้นหาและตรวจสอบมาเป็นอย่างดีว่ามีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี คุ้มค่าคุ้มราคาอย่างแน่นอน โดยจะมีเนื้อหาเป็นอย่างไรนั้น ตามไปดูกันเลย

Jabra Panacast
31,600 บาท

Jabra Panacast

ที่สุดแห่งการประชุมมืออาชีพ มาด้วยกล้อง 3 ตัว ความคมชัด 4K
หากคุณจำเป็นต้องใช้ Webcam ในการประชุมออนไลน์ ในพื้นที่กว้างและมีผู้เข้าร่วมประชุมหลายคน นี่คือ Webcam ที่จะตอบโจทย์ความต้องการใช้งานเหล่านั้นได้ดีที่สุด ด้วยกล้องที่มีมาให้ถึง 3 ตัว ซึ่งจะทำงานพร้อมกันในระบบ Panoramic 180 องศา พร้อมด้วยความคมชัดสูงถึง 4K 30 fps เลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีวิธีการติดตั้งที่หลากหลาย ตามความเหมาะสมกับสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นการยึดกับผนัง, หนีบไว้บนหน้าจอ หรือใช้ล็อกกับขาตั้ง Webcam ที่มีให้มาพร้อมกับกล้องด้วย

 

Logitech BRIO ULTRA HD PRO WEBCAM
8,399 บาท

Logitech BRIO ULTRA HD PRO WEBCAM

ตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการความละเอียดสูง พร้อม HDR
ความชัดเจนในการสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะกับงานที่ต้องอาศัยการสนทนาและเนื้อหาของงานที่มีความละเอียดอ่อน Webcam รุ่นนี้จะสามารถใช้งานได้ตรงตามความต้องการได้อย่างไร้ที่ติอย่างแน่นอน ด้วยความคมชัดระดับ 4K และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนรอบทิศทางถึง 2 ตัว ทำให้สนทนาได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องอาศัยไมโครโฟนเชื่อมต่อเพื่อม นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับนักแคสเกมหรือสตรีมเมอร์มืออาชีพ ที่ต้องการให้ผู้ชมเห็นท่าทางในระหว่างการเล่นเกมของคุณได้อย่างชัดเจน

 

AVerMedia Live Streamer CAM 313 – PW313
2,790 บาท

AVerMedia Live Streamer CAM 313 - PW313

เหมาะสำหรับสายสตรีมเมอร์โดยเฉพาะ หมุนได้รอบทิศทาง
รุ่นนี้เป็น Webcam อีกหนึ่งรุ่นยอดนิยมในบรรดาเหล่านักแคสเกมหรือสตรีมเมอร์ เพราะมีราคาที่สมเหตุสมผลกับสเปกที่ให้มาอย่างไม่มีหวง ไม่ว่าจะเป็นความคมชัดระดับ Full HD 30 fps โฟกัสอัตโนมัติ พร้อมไมโครโฟนระบบโมโนถึง 2 ตัว ช่วยให้รับเสียงได้อย่างชัดเจน และยังสามารถหมุนกล้องได้อย่างรอบทิศทางถึง 360 องศาเลยทีเดียว ทำให้ช่วยประยุกต์ใช้กับมุมกล้องได้อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ ยังมีฝาปิดเลนส์กล้องในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน เพื่อป้องกันฝุ่นเข้าเลนส์กล้อง และสร้างความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

 

LogitechConferenceCam Connect
19,999 บาท

LogitechConferenceCam Connect

ใช้รีโมทควบคุมได้ ติดตั้งง่าย พร้อมลำโพงไร้สายรอบทิศทาง
หากคุณกำลังมองหาความแปลกใหม่ในเรื่องของดีไซน์ Webcam ที่ส่วนมากจะไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก ดังนั้น Webcam รุ่นนี้ เหมาะสมกับสิ่งที่คุณมองหาอย่างแน่นอน ด้วยรูปลักษณ์ทรงกระบอกที่สามารถตั้งโต๊ะได้ ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น พร้อมกล้องที่มีความคมชัดระดับ Full HD (1920 x 1080) 30 fps ที่มีเทคโนโลยี Rightlight™ 2 ที่ช่วยให้กล้องมีความชัดเจนแม้ในสภาวะแสงน้อย และโดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยลำโพงไร้สายที่ให้เสียงรอบทิศทาง เพื่อความชัดเจนในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีรีโมทควบคุม Webcam เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในระหว่างใช้งานอีกด้วย

 

Logitech C920 HD PRO WEBCAM
4,499 บาท

Logitech C920 HD PRO WEBCAM

มีลักษณะการติดตั้งที่หลากหลาย พร้อมไมโครโฟนสเตอริโอ
Webcam รุ่นนี้ ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่ตอบสนองการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่การพูดคุยทั่วไป, การสื่อสารภายในองค์กร, การแคสเกมหรือสตรีมมิ่ง ล้วนแล้วแต่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งสิ้น ด้วยความคมชัดระดับ Full HD 30 fps ที่มาพร้อมกับเลนส์กระจกบริเวณตัวกล้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับความคมชัดมากกว่า Webcam หลาย ๆ รุ่นนั่นเอง และยังติดตั้งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการแขวนไว้บริเวณด้านบนหน้าจอ, ตั้งโต๊ะ และใช้งานร่วมกับขาตั้งกล้อง นอกจากนี้ ยังสื่อสารได้ดีด้วยไมโครโฟนระบบสเตอริโอ พูดคุยได้อย่างชัดเจน

การเลือกซื้อกล้องเว็บแคม (Webcam) ที่ดีที่สุด

การเลือกซื้อกล้องเว็บแคม (Webcam) ที่ดีที่สุด

กล้องเว็บแคม (Webcam) มีอยู่มากมายหลายรุ่นในท้องตลาด ตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพันบาท ทำให้หลาย ๆ คนไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหนดี ซึ่งกล้องเว็บแคมในปัจจุบันไม่ได้ใช้เพื่อวีดีโอคอลเพียงอย่างเดียวแล้ว โดยมันสามารถทำอย่างอื่นได้อีกหลากหลาย ดังนั้นเราจะมาแนะนำวิธีการเลือกกล้องเว็บแคม เพื่อให้ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด

การเลือกซื้อกล้องเว็บแคม (Webcam) ที่ดีที่สุด

  1. การใช้งาน
    คุณต้องการนำไปใช้งานในด้านไหน เช่น วิดีโอคอลติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ๆ , การไลฟ์สดขายของ หรือใช้ในการสตรีมเกม หากคุณใช้วิดีโอคอลเพียงอย่างเดียวก็ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อกล้องที่มีราคาสูงจนเกินไป เนื่องจากไม่มีความจำเป็นในการใช้งานมากนัก แต่หากใช้ในการสตรีมเกมเป็นหลัก คุณจำเป็นที่จะต้องเลือกเฟรมเรทสูง ๆ เพราะจะทำให้ภาพของคุณลื่นไหลขณะถ่ายทอดสด
  2. เฟรมเรต (Frame rate)
    อัตราเฟรมหมายถึงความเร็วในการแสดงผลภาพต่อวินาที มีหน่วยเป็น Frame per second (FPS) ยิ่งมีเฟรมเรตสูงมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ภาพของคุณลื่นไหลมากเท่านั้น โดยที่นิยมใช้กันในปัจจุบันจะอยู่ที่ 30 FPS
  3. เลือกตามชนิดของเซ็นเซอร์
    แน่นอนว่ากล้องเว็บแคมนั้นก็มีชนิดของเซ็นเซอร์ให้เลือก โดยหลัก ๆ แล้วจะมีอยู่ 2 ชนิด นั่นคือเซ็นเซอร์ CCD และเซ็นเซอร์ CMOS ซึ่งมีข้อดีข้อเสียต่างกันโดยเซ็นเซอร์ CCD ย่อมาจาก Charge Coupled Device ที่ทําหน้าที่รับแสงอย่างเดียว ที่จะแปลงค่าสัญญาณอนาล็อก (แสง) ให้เป็นสัญญาณดิจิตอล สำหรับ CMOS ย่อมาจาก Complementary Metal Oxide Semiconductor มีหน้าที่รับแสงเช่นกัน แต่จะทำการแปลงสัญญาณจากตัวเซ็นเซอร์เลย ดังนั้นสัญญาณที่ออกจาก CMOS จึงเป็นสัญญาณดิจิตอล ทำให้มีการทำงานรวดเร็วมากกว่า CCD แต่ CCD จะมีความเอียดของแสงและคมชัดมากกว่า และมีสัญญาณรบกวนภาพน้อยกว่า เพราะทำหน้าที่เพียงรับแสงอย่างเดียวไม่ต้องแปลงค่าสัญญาณใด ๆ

    โดยรวมแล้ว CCD มีคุณภาพภาพด้าน Output นั้นจะดีกว่า แต่ CMOS นั้นก็ทำงานได้ดีและประหยัดพลังงาน ทั้งยังรวดเร็วกว่าจึงส่งผลทำให้มีอายุการใช้งานยาวกว่า CCD หากถามว่าจะเลือกเซ็นเซอร์แบบไหนดี ? สำหรับคนที่เล่นกล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดสูง ๆ แนะนำเซ็นเซอร์ CCD แต่สำหรับคนที่ต้องการการทำงานแบบเร็วรวดแนะนำเซ็นเซอร์ CMOS ซึ่งก็ถือว่ายังให้ความคมชัดในระดับคุณภาพดีเช่นกัน

  4. การเชื่อมต่อ
    การเชื่อมต่อของกล้อง Webcam นั้นก็มีความสำคัญ บางคนใช้คอมพิวเตอร์รุ่นที่ต่างกัน ก็จะทำให้ USB Port อาจจะมีเวอร์ชั่นที่ต่างกันด้วย ซึ่งจะมีตั้งแต่เวอร์ชัน USB 1.1, เวอร์ชัน USB 2.0, เวอร์ชัน USB 3.0 และเวอร์ชัน USB 3.1 ซึ่งแต่ละเวอร์ชัน นั้นก็จะมีความเร็วในการส่งข้อมูลที่ต่างกัน ยิ่งเวอร์ชั่นที่ออกมาหลัง ๆ ความเร็วในการส่งข้อมูลก็ยิ่งสูงขึ้นเร็วขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นโปรดตรวจสอบ USB Port ของคุณก่อนซื้อกล้อง Webcam ด้วยว่ารองรับกันหรือไม่ วิธีการแยกพอร์ต USB ในคอมพิวเตอร์ การเลือกใช้เวอร์ชันพอร์ตของ USB ให้ตรงตามที่ออกแบบมาจะช่วยให้อุปกรณ์นั้น ๆ ทำงานได้รวดเร็วตรงตามที่ระบุไว้ ถามว่าคนละเวอร์ชันสามารถใช้ร่วมกันได้ไหม? ก็สามารถใช้ร่วมกันได้ แต่จะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และบางครั้งอุปกรณ์บางตัวก็ใช้ร่วมกันไม่ได้จริง ๆ ดังนั้นเลือกใช้ให้ตรงตามเวอร์ชันจะเป็นการดีที่สุดการเชื่อมต่อ
  5. โหมดกลางคืน หรือ Night โหมด
    โหมดกลางคืนก็เป็นอีหหนึ่งเรื่องที่ผู้ซื้อกล้องอเว็บแคมจะต้องพิจารณา เพราะหากกล้องเว็บแคมของคุณไม่มีโหมดกลางคืน ภาพที่ออกมาก็จะไม่มืดจนไม่มองไม่เห็นอะไรเลย โหมดกลางคืนจะทำหน้าที่ปรับภาพให้สว่างขึ้นโดยที่ไม่ต้องใช้หลอดไฟที่มาพร้อมกล้อง จะเห็นได้ว่ากล้องบางตัวก็ไม่มีหลอดไฟติดมารอบกล้อง เพราะกล้องพวกนี้มักจะมีระบบอินฟราเรดมาอยู่แล้ว ระบบอินฟราเรดนั้นจะช่วยให้กล้องทำงานในที่แสงน้อยได้ดี
  6. ไมโครโฟน
    ไมโครโฟนเป็น Option เสริมที่แถมมาพร้อมกล้อง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วกล้องเว็บแคมจะมีไมโครโฟนติดมาด้วยตลอด เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานที่สุด ไม่ต้องไปหาซื้อไมโครโฟนเสริมให้วุ่นวาย
  7. ฟังก์ชันเสริมอื่น ๆ
    ในส่วนนี้หมายถึง โหมดต่าง ๆ เช่น โหมดโฟกัสอัตโนมัติ กำหนดระยะชัดของภาพได้ ปรับแสงอัตโนมิติ ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และอื่น ๆ โดยฟังก์ชันของกล้องเว็บแคมเหล่านี้ คือตัวช่วยที่ทำให้ภาพของคุณมีความคมชัด และคุณภาพที่ดีมากขึ้น แม้อยู่ในที่แสงน้อยก็ตาม รวมถึงคุณภาพของไมโครโฟนด้วยเช่นกัน
  8. งบประมาณ
    แน่นอนว่ากล้องเว็บแคม (Webcam) ที่มีราคาสูง ๆ ย่อมมีคุณภาพดีกว่า ทั้งภาพ เสียง และคุณภาพด้านฟังก์ชั่นต่าง ๆ ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับคุณว่ามีงบประมาณมากน้อยแค่ไหน แต่หากคุณต้องการนำไปสตรีมเกมโดยเฉพาะเราแนะนำให้ซื้อกล้องเว็บแคมที่มีราคาสูง ๆ ไปเลยจะดีกว่า เพราะมันจะทำให้การสตรีมของคุณลื่นไหล คมชัด ไม่มีทางสะดุดเลย

การเลือกซื้อ

 

ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้กล้องเว็บแคม (Webcam)

ประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้กล้องเว็บแคม (Webcam)

           –  ทำให้การติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตมีรสชาติมากขึ้น เนื่องจากสามารถพูดคุยแบบเห็นหน้าและการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของคู่สนทนาเหมือนกับอยู่ใกล้ชิดกัน
            –  ประหยัดเวลาไม่ต้องเดินทางไปประชุมกับลูกค้าตามที่ต่าง ๆ เนื่องจากสามารถนำเอากล้องเว็บแคม (Webcam) มาดัดแปลงเป็นกล้อง Video Conference เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารแบบเห็นหน้ากับลูกค้าได้
            –  ช่วยให้ปลอดภัยจากการเดินทางไปประชุมหรือไปสัมมนาตามสถานที่ต่าง ๆ ที่อยู่ห่างไกลได้เป็นอย่างดี
            –  นำไปประยุกต์ใช้เป็นชุดอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยคล้ายกับกล้องวงจรปิด สามารถใช้โปรแกรมที่ติดมากับกล้องเว็บแคม (Webcam) ทำหน้าที่คอยตรวจจับภาพเคลื่อนไหว แล้วทำการบันทึกจากตำแหน่งหรือจุดที่กำหนดไว้
            –  ช่วยให้สามารถเผยแพร่ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ จากกล้องเว็บแคม (Webcam) ผ่านทางเว็บไซต์ เพื่อให้คนทั่วโลกสามารถเข้ามารับชมได้
ราคาของกล้องเว็บแคม (Webcam)
             ราคา Webcam OKER  เริ่มต้นที่ 240 บาท ถึง 520 บาท (ตามรุ่น)
             ราคา Webcam TECFON รุ่น  W-017  ราคา 240 บาท
             ราคา Webcam MD-Tech เริ่มต้นที่ 390 บาท ถึง 440 บาท (ตามรุ่น)
             ราคา Webcam Y-Tech เริ่มต้นที่ 250 บาท ถึง 290 บาท (ตามรุ่น)
             ราคา Webcam Mstyle เริ่มต้นที่ 350 บาท (ตามรุ่น)
             ราคา Webcam Microsoft Lifecam เริ่มต้นที่ 1,900 บาท (ตามรุ่น)
Webcam OKER

การใช้งานเกล้องวิดีโอเว็บแคม

การใช้งานเกล้องวิดีโอเว็บแคม

การใช้งานเกล้องวิดีโอเว็บแคม

  • ในการสื่อสารเว็บแคมได้มีการใช้อย่างแพร่หลายสำหรับการสนทนาทั่วไปรวมถึงการแพร่ภาพผ่านทางอินเทอร์เน็ต
  • ในทางธุรกิจเว็บแคมได้มีใช้ในการประชุมออนไลน์โดยที่ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถประชุมร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาอยู่ในสถานที่เดียวกัน
  • ในการก่อสร้าง เว็บแคมได้มีใช้ติดตั้งในสถานก่อสร้างเพื่อวัดประสิทธิภาพการทำงานโดยเปรียบเทียบภาพการทำงานของวันก่อนหน้า และวันปัจจุบัน และนอกจากนี้มีการใช้งานสำหรับความปลอดภัยในสถานก่อสร้าง
  • ในวิดีโอเกมของเพลย์สเตชัน 2ได้มีเว็บแคมในชื่อ อายทอย และเกมเอกซ์บอกซ์ 360 มีเว็บแคมในชื่อ เอกซ์บอกซ์ไลฟ์วิชันแคเมรา สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับวิดีโอเกมจับการเคลื่อนไหวของผู้เล่น
  • การใช้งานเกล้องวิดีโอเว็บแคม

กล้องเว็บแคมสำหรับ สตรีมเมอร์เกม

กล้องเว็บแคมสำหรับ สตรีมเมอร์เกม

สำหรับกล้องเว็บแคม ใครที่เป็นสายสตรีมเมอร์หรือจะเป็นนักแคสเกมก็ได้ อย่างสตรีมเมอร์นั้นเป็นอาชีพที่เกมเมอร์ทั้งหลาย จะเล่นเกมและทำการถ่ายทอดสด (Live) ไปด้วย โดยผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Twitch.tv, NimoTV, Facebook Live และ Youtube ซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเกมส์จากสมาร์ทโฟน หรือ เกมจากคอมพิวเตอร์ ก็สามารถทำการสตรีมได้ทั้งนั้น ซึ่งมีอุปกรณ์ที่สำคัญหลัก ๆ คอมพิวเตอร์, หน้าจอแสดงผล, เมาส์, คีย์บอร์ด, ไมโครโฟน, หูฟังแบบครอบหู และอื่น ๆ หากเป็นเกมสมาร์ทโฟนก็จะใช้จอยเกมมือถือเสริมเพิ่มตามความต้องการเกมส์นั้น ๆ รวมถึงตัวเอกอย่าง กล้องเว็บแคม (Webcam) ที่จะคอยถ่ายทอดสดผู้เล่นได้รับชม

 

กล้องเว็บแคมสำหรับ สตรีมเมอร์เกม